สามารถทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
1. SEO (Search Engine Optimization)
SEO คือ ส่วนสำคัญที่สุดของการทำ Digital Marketing เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการจัดอันดับหน้าเพจของเว็บไซต์คุณได้แบบออร์แกนิกบนหน้า SERPs โดยคุณไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท ด้วยการออกแบบเว็บไซต์ ปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและมีคุณภาพ เพิ่ม Blacklink ส่งลูกค้ามายังหน้าเพจของคุณโดยตรง จะช่วยเพิ่มค่าการมองเห็น ค่าความน่าเชื่อถือ และคะแนนต่าง ๆ ในการจัดอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น ยิ่งตำแหน่งของเพจอยู่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นจุดที่ลูกค้าจะพบเห็นได้ง่ายที่สุด ก่อให้เกิด Traffic, Conversion, Activities บนเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น
2. SEM (Search Engine Marketing)
การโฆษณาผ่าน PPC หรือการจ่ายค่าโฆษณาต่อหนึ่งคลิก คือส่วนหนึ่งของการตลาดแบบ SEM ซึ่งจะให้ยอดการเข้าชมที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าภายในระยะเวลาอันสั้น ในส่วนของการรันโฆษณา PPC จะรันด้วยการลงทุนใน Bidding บนโซลูชั่นของ Google Ads คือ การทำโฆษณาออนไลน์ผ่านเครือข่ายของ Google หรือบนเครื่องมือยิงโฆษณาชนิดอื่น ๆ ซึ่งคุณสามารถกำหนดงบในการยิงโฆษณา PPC ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลาตามไทม์ไลน์ที่วางแผนไว้ เช่น เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้ ตราบใดที่ไม่ได้ตั้งค่าให้ระบบเลือก Bidding แบบอัตโนมัติ
ยิ่งไปกว่านั้นหากอยากดูว่าประสิทธิภาพของการทำ PPC ว่ามีประสิทธิผลมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือก Keyword ให้ตรงกับยอด Search Volume ได้มากแค่ไหน เพราะถ้ายิ่งคำโฆษณาของคุณตรงกับยอดคำค้นหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่อัลกอริทึ่มของ Search Engine จะจัดลำดับ SEM ของคุณให้เห็นได้ง่ายมากขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมหมั่นตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพคำโฆษณาและข้อมูลของ PPC บ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวโฆษณาของคุณตกอันดับนั่นเอง
3. Email Marketing
การตลาดผ่านอีเมลนับเป็นสะพานเชื่อมระหว่างธุรกิจและงานขายกับลูกค้า แม้จะไม่ได้เป็นที่นิยมมากเท่าการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย แต่ Email Marketing ก็มีความโดดเด่นตรงที่ลูกค้าสามารถโต้ตอบได้โดยตรง รวดเร็ว (ยกเว้นเป็น Email Marketing แบบระบบอัตโนมัติจะโต้ตอบไม่ได้) และเป็นส่วนตัวมากแล้ว ยังเป็นช่องทางทำการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอด Emgagement ได้ดี เรียกความมั่นใจและความต้องการซื้อจากฐานลูกค้าเก่าได้ดีทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการทำ Email Marketing ได้จะต้องมีการสมัครสมาชิกก่อนทำให้สมาชิกเข้าถึงโปรโมชันเฉพาะสมาชิก หรือส่วนลดเฉพาะสมาชิกได้ หรือสามารถนำเสนอสินค้าพิเศษเสริมจากสินค้าที่ลูกค้าได้ซื้อไป ก็ถือว่าเป็นการ Retargeting อีกทางหนึ่ง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำ Email Marketing ก็มีความเสี่ยงอยู่ตรงที่บางครั้งอัลกอริทึ่มของอีเมลจะเข้าใจว่าเมลของคุณเป็นสแปมทุกครั้งที่มีการส่งเมลหา เมลของคุณจะไปกองอยู่ในถังขยะของลูกค้าก็เป็นได้ หรือลูกค้าบางคนอาจรู้สึกว่ามีอีเมลจากธุรกิจที่ไม่ต้องการเข้ามาเยอะก็อาจทำให้เลิกกดเป็นสมาชิกของคุณไปเลยก็ได้ ฉะนั้นก่อนการส่งอีเมลในแต่ละครั้งควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าอีเมลของคุณไม่ได้ละเมิดข้อกำหนดอีเมลสแปมแน่ ๆ และไม่ส่งถี่เกินไปจนลูกค้าถึงกับกด Unsubscribe
4. Video Marketing
คุณรู้ไหม? YouTube เป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มากกว่าการค้นหาบนเว็บไซต์ที่อยู่อันดับ 3 รู้อย่างงี้แล้วจะพลาดการทำการตลาดบนวิดีโอไปได้ไง จริงไหม? เพราะการผลิตสื่อวิดีโอเป็นส่วนหนึ่งของงาน Content Marketing ที่นิยมใช้กันมาก เป็นการผสมผสานองค์ประกอบของการทำ Content Marketing ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ SEO การเขียนคำโฆษณา การออกแบบวิดีโอ การเขียนสคริปต์พูด มุมกล้อง เสียง และแสง เป็นต้น ซึ่งในวิดีโอหนึ่งคลิปจะกล่าวถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้า/บริการที่คุณต้องการนำเสนอ ทำให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของสินค้า/บริการในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สามารถสื่อสารขั้นตอนการขอใช้บริการและหลังการรับบริการได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และลูกค้ายังสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการพิจารณาการซื้อกับเจ้าอื่นอีกด้วย ส่วนในช่องทางหลักในการลงวิดีโอได้แก่ YouTube, Facebook, Instagram และ TikTok
นอกจากนี้หากธุรกิจของคุณต้องการขยายขอบเขตธุรกิจของคุณไปให้ความรู้ในธุรกิจที่คุณมีความเชี่ยวชาญบน YouTube อย่าง Podcast หรือ YouTube Channel ก็ยังช่วยสร้างรายได้แบบ Passive Income มาให้คุณได้อย่างมาก แม้สินค้าจะขายไม่ออกหรือไม่มีลูกค้าเข้าใช้บริการ คุณก็ยังมีรายได้จากบน YouTube มาคอยหล่อเลี้ยงไว้อยู่
สามารถทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/