ผู้เขียน หัวข้อ: tokyo motor show 2024: ลองขับ Honda Accord e:HEV รุ่น E เริ่มต้น 1.5 ล้านบาทสุดค  (อ่าน 88 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 506
    • ดูรายละเอียด
tokyo motor show 2024:All new Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่) รุ่น E ราคา 1.529 ล้านบาท รถยนต์ซีดานสุดพรีเมี่ยมรุ่นเริ่มต้นก็มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC ผสานมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวในระบบเกียร์ E-CVT กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 207 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร มีเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ครบถ้วนพร้อมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) กว่า 1 กม. และเพิ่ม Charge Mode และระบบจอแผนที่ Google Built-in ครั้งแรก ในแอคคอร์ดในราคา 1,529,000  บาท

จุดเด่น                          จุดสังเกต
Full Hybrid แรง-ประหยัด        Google built-in
Head-up Display: HUD       อัตราส้นเปลือง 25 กม./ลิตร
เพิ่ม Charge Mode               กล้องมองภาพรอบทิศทาง
Honda SENSING                 ไม่มีเตือนมุมอับด้านข้าง BSM
ภาพจากกล้องรอบคันและHonda LaneWatch     ยังไม่ชัด
ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายเชย ๆ        เสียงยางลอดเข้าในรถ
ฝาท้ายไม่มีระบบไฟฟ้า               มีแต่กล้องมองหลัง-ขาดกล้องรอบคัน
 
ทริปไปกลับภูเก็ต-กระบี่ รวม 270 กม.

Honda Accord e:HEV ในครั้งนี้มีทั้งหมด 6 คัน คละรุ่น ซึ่งซุ่มได้รุ่นเริ่มต้น E ราคา 1.529 ล้านบาท ทดสอบแบบครึ่งวัน ไปกลับจากภูเก็ต-พังงา ระยะทางร่วม 270 กม. กลับกันขับขี่ 2 คน ต่อ รถ 1 คัน โดยได้ทดลองขับทั้ง ใช้ความเร็วตามสภาพจราจร เร่งแซง ทำความเร็วสูง ๆ และด้วยเส้นทางเป็นเนินเขาสลับทางโค้งมากมาย จึงได้ลองการเข้าทางโค้ง การเร่งแซงขึ้นเนิน การเบรก และทดลองระบบช่วนละลอดความเร็ว บนแพดเดิ้ลชิพ และการใช้โหมด Batt-Charge สุดท้ายลองฟังพลังเสียงจากลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง บอกเลยว่าเสียงใสนุ่มลึกเบสตรึม!

มิติตัวถังยาว 4,962 มม. กว้าง 1,862 มม. สูง 1,449 มม. ระยะฐานล้อ 2,828 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 134 มม. น้ำหนักรถ 1,560 มม. ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ระบบเปิด - ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เสาอากาศครีบฉลามสีเดียวกับรถ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเงิน

 
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ Piano  Black สะดวกสบาย เช่น การจัดการข้อมูลบนหน้าจอ Display Audio พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ปุ่มควบคุมครบทุกระบบ พร้อมแพดเดิ้ลชิพสำหรับหน่วงความเร็วและระบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตฯ
ของใหม่ ใส่ในฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นเริ่มต้น E คือ
ใหม่ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้ (EL/RS) และสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 ผู้ใช้งาน
ใหม่ ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง
ใหม่ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
ใหม่ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ที่มาพร้อม Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google ได้แก่ Google Assistant, Google Maps และ Google Play
ใหม่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto


Honda SENSING ที่มีครอบคุมหลายระบบแล้ว คือ
ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
มีระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) มากถึง 6 ระดับเป็นครั้งแรก
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) โดยระบบยังสามารถปรับลักษณะการเร่งความเร็วได้ตามโหมด ACC ที่เลือก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ใหม่
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)
ถุงลม 8 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และ ใหม่ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า
ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และ ใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง
ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) ซึ่งรุ่น RS จะมีเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
ออปชั่นพื้นฐาน
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง
ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ
ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
ใหม่ ความลำบาก เอ้ย! สะดวกสบายใหม่...ด้วย ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง


ขุมพลังระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด (Intelligent Multi-mode drive) ประกอบไปด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) นอกจากนี้ ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration) กำลังรวมทั้งระบบ 207 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร

โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาทีที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น 
แรงแบบนุ่ม ๆ ประหยัด 18 - 19 กม./ลิตร ตีนปลายมีแผ่ว ๆ
 

เร่งแซงทันใจ-แรงแบบพรีเมี่ยม
สมรรถนะและอัตราเร่งไม่ถึงกับหลังติดเบาะ เมื่อออกตัว จะมีแรงดึงแบบเบา ๆ แต่ระดับความเร็วก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ และเร่งแซงได้อย่างทันใจ อาการสุภาพสุขุมนุ่มนวลแบบผู้ใหญ่ ไม่กระชากเป็นวัยรุ่นแบบในรุ่นซีวิค และเมื่อเร่งแซงในช่วงความเร็วลอยลำแล้ว จะรู้สึกว่า อากรดึงลดลงเล็กน้อย แต่ยังพอรับรู้ถึงความเร่งของตัวรถ และความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อช่วงความเร็วสูง ๆ เกิน 180 กม./ชม. ไปแล้ว จะเริ่มรู้สึกว่าหนืด ๆ ขั้นได้ช้าลง เพราะเครื่องยนต์ทำงานเป็นหลักมอเตอร์เสริมแรงบางเล็กน้อยเท่านั้น (หมดแรง) มาตั้งแต่ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม.+++  แต่ว่าไม่น่าเป็นปัญหามากนักเพราะควรใช้ความเร็วเกินกำหนด (ทำสอบระยะสั่นถนนโล่ง ๆ) ซึ่งน้ำหนักตัวที่มากกว่าใน ซีวิค เอง และการปรับคันเร่งให้ตอบสนองนุ่มนวลตามคาร์เร็ตเตอร์ที่ต้องให้เป็นรถครอบครัว รถพรีเมี่ยม ที่เน้นการสะดวกสบายเป็นหลักมากกว่าความสปอร์ต     
 
 
นุ่มนวลไม่ย้วยแถมเกาะถนน
ช่วงล่างดีมาก นุ่มนวล แต่เกาะถนน ไม่ดีด กระเด้ง หรือโดด แม้ขับขี่ผ่านสภาพถนนที่ขรุขระมาก ๆ  พวงมาลัยน้ำหนักดี ปรับตามความเร็วรถ และคมกระชับ หมุนเลี้ยวได้ตามมือทันทีไม่มีช่องระยะฟรี มั่นใจทุกครั้งเวลาเข้าทางโค้งความเร็วสูง ๆ แม้จะเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็วก็ยัง "นิ่ง" และควบคุมทิศทางได้ง่ายมาก
 

ลอง Charge Mode ชาร์จเร็วมาก!
โหมดพิเศษ EV และ Charge Mode เพียงกดปุ่ม EV ค้างไว้ 1 วินาที เครื่องยนต์จะติดขึ้นเพื่อปั่นไฟกลับแบตฯ  ขับไปชาร์จไฟไป เอาไว้ใช้ขับ EV ล้วนจากสเปคโรงงานว่า ขับ 100 กม./ชม. ใน 1 นาที จะได้ระยะทางเพิ่มอีกประมาณ 1 กม. ใช้ขับ EV ล้วงที่ความเร็วไม่เกิน 40-50 กม./ชม. ในการทดสอบจริงขับไป 1 นาที แต่ความเร็วไม่ถึง 80 กม./ชม. ระดับปริมาณไฟกลับขึ้นเร็วมาก ๆ นับว่าช่วยให้วางแผนในการขับย่องเบา เข้าบ้านได้เป็นอย่างดี ในระยะไม่เกิน 1 - 2 กม.                 
 

วิศวกรชาวญี่ปุ่นของฮอนด้า เน้นย้ำนำเสนอว่า เราเค้ามีโหมด หน่วงความเร็ว (Deceleration Paddle Selectors) ระดับ 5 และ 6  เพิ่มมาจากเดิมมีแค่ 4 ระดับ และทำงานคล้ายกับ one-Paddle ชับด้วยคันเร่งเดียว ทั้งเร่งทั้งชะลอและหยุดรถได้เกือบจะจอดสนิท เมื่อความเร็วต่ำกว่าราว ๆ 20 - 30 กม. ต้องเบรกเอาเองด้วย โดยฟังก์ชั่นนี้ใช้ตัวควบคุมระบบ ABS ช่วยสั่งให้ล้อเบรกแบบ "เลีย ๆ" พร้อมกับแรงหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้าไปพร้อมกัน (เพราะมอเตอร์ไฟฟ้ายังหน่วงไม่พอในระดับนี้) เรียกว่าได้แรงบันดาลใจจาก "Honda e" ตัวเล็กน่ารักนั่นเองครับ ซึ่งจะโชว์บนมาตรวัดขับครับข้าง ๆ สัญลักษณ์ตำแหน่งเกียร์ต่าง ๆ และยังสามรถล็อคในระบบหน่วงค้างเอาไว้ (เหมือนคันเร่งในรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจริง) เพียงแค่ดึงฝั่งลบ (-) เข้าหาตัวค้างไว้ 1 วินาที ก็กลายเป็นรถไฟฟ้าล้วน (ชั่วคราว) ที่ขับด้วยคันเร่งเดียวด้วย และเมื่อยกเลิกให้ดึงฝั่งบวก (+) เข้าหาตัวค้าวไว้ 1 วินาทีก็ปลดออกเรียบร้อยครับ


ความประหยัดแบบขับโหด ๆ ระยะทาง 270 กม. ได้ 18 - 19 กม./ชม.
จากการทดสอบครั้งนี้ แม้จะมีบางช่วงขับตามความรถทั่วไป มีเร่งแซง ออกตัวแรง ๆ และขับผ่านถนนโค้ง เนินสูงต่ำสลับกันไป และทดลองทำความเร็วสูง ๆ รวมถึง ออกตัว 0 - 100 กม. /ชม. จับเวลา โดยรวมแล้ว มันประหยัดจริงจังมาก ๆ ครับ ด้วยตัวรถคันใหญ่ขนาด 1.5 ตันเศษ ทำตัวเลขบนมาตรวัดได้ 18 - 19 กม./ลิตร ถ้าหากชับใช้งานปกติ จริงแบบไม่จิกกระชากเหมือนการทดสอบแบบนี้ อาจทำให้ทะลุ 20 กม./ลิตร แน่นอนครับ ส่วนความเร็ว 0 - 100 กม./ชม. นั่ง 2 คน ออกตัวมีล้อฟรีเล็กน้อยอยู่ที่ 8.6 วินาที (ใช้แอปฯ ในสมาร์ทโฟนจับเวลา)

เสียงยางยังเข้าในรถ
การเก็บเสียงรอบคันหรือว่าเสียงเครื่องยนต์ทำได้เงียบกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ว่าในส่วนเสียงยางที่วิ่งบดพื้นในหลาย ๆ สภาพถนนยังคง "ดังก้อง" อยู่ในใจ แม้จะมีระบบตัดเสียงที่ใช้ความถี่จากลำโพงมาช่วยแก้ แต่เสียงยาง Michelin รุ่นพิเศษ ePRIMERCY ก็ยังทะลุเข้าอยู่บ้าง โดยยางตัวนี้เป็นรุ่นที่ฮอนด้าญี่ปุ่นเองกับมือ และใช้เพื่อรถยนต์ไฟฟ้ากับไฮบริดโดยเฉพาะ หากไม่คิดมากแล้ว เสียงยางที่ดังก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่ากับรุ่นอื่น ๆ ของ H ที่ดังมากกว่า แต่ทว่า..รถระดับยิ่งเงียบยิ่งดีเพราะเป็นเรื่อธงแล้ว หากปรับปรุงระบบซับเสียงใต้ท้องอีกนิดจะสมบูรณ์แบบมากที่สุดเลย
 

BOSE 12 ตัว พลังกระหึ่มเกินพอแล้ว
"เปิดเพลงดัง ๆ ให้เบสดังบูม ๆ" ใช้ได้กับระบบพลังเสียง BOSE คันนี้ ที่ให้ทั้งรายละเอียดเสียงเล็กน้อยของดนตรีและการแยกซ้าย-ขวาของเครื่องดนตรี ทำให้ชัดเจนมาก ไม่แพ้เครื่องเสียงระดับท็อปคลาสในรถยุโรป (ยกเว้นคนหูทองมาก ๆ) นับว่าเพียงพอและแทบไม่ต้องไปปรับเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติมแล้ว แถมยังเลือกปรับการแยกเยอะเสียง หรือปรับ equalizer และเลือกรูปแบบการกระจายเสียงลำโพงได้หลายแบบอีกด้วยครับ


แก้ปัญหาแผนที่หายเมื่อใช้ Honda LaneWatch
การมีอากู๋แบบบิวอิน ช่วยแก้ปัญหาการเปิดแผนที่ดูทางแล้วหายจากจอเมื่อเปิดไฟเลี้ยวซ้ายได้ ด้วยการเลื่อนเมนูที่ปุ่มนิ้วโป้งขวาในเป็นระบบนำทางซะ ภาพจาก Google Map ก็จะขึ้นบนมาตรวัดคนขับพร้อมกันด้วย เมื่อคุฯเปิดไฟเลี้ยว แม้แผนที่ตรงจอจะหายกลางเป็นกล้องมัว ๆไม่ต้องกลัวครับ บนมาตรวัดยังดูได้ปกติเลย หรือถ้าลืมปรับหน้าจอเป็นการนำทาง ถ้ายังเป้นระบบแผนที่อยู่ เมื่อมีการเตือนจะเลี้ยวหรือเตือนการใช้เส้นทาง แผนที่จะขึ้นบนจอคนขับให้เองอีกด้วย ไม่หลงแน่นอน!

 
สุดท้ายสิ่งที่น่าจะให้มาในรุ่นนี้
ภาพแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ไม่ชัดเท่าที่ควร
รถพรีเมี่ยมราคาระดับนี้เพิ่ม BSM เตือนมุมอับสายตามจะดี หรือแทนกล้องด้านข้างไปเลยย่อมได้
บุพื้นหนาเก็บเสียงมากขึ้นยิ่งลงตัว
ถ้า....มีกล้องมองรอบคัน...ยิ่งช่วยให้หายลังเลได้เยอะขึ้นอีกนิด

สรุปความแตกต่างของ 3 รุ่นย่อยอีกรอบ!


รุ่น e:HEV RS
ไฟส่องมือจับประตูด้านนอก
หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential
ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card
ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL)
ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง
มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)
   
     
รุ่น e:HEV EL

Head-up Display: HUD
ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC)
ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS)
เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด
กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster
ใหม่ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้
ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

รุ่น e:HEV E
 
สรุปความคุ้มค่ากับราคา
 
Honda Accord e:HEV E ราคาเพียง 1,529,000 บาท รถที่เหมาะกับการขับขี่สบาย ๆ ได้ทั้งสมรรถนะ ความประหยัดปลอดภัยไม่แตกต่างจากรุ่น EL ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 140,000 บาท และ รุ่น RS เพิ่มอีก 270,000 บาท ซึ่งออปชั่นที่เพิ่มมาอาจจะเป็นเฉพาะกลุ่มจริง ๆ แต่ถ้าคุณเน้นใช้งาน จะขับเองหรือมีคนขับให้และนั่งทำงาน รุ่นนับว่าคุ้มค่า ได้ความนุ่มนวลมากขึ้นอีกด้วย และ แน่นอนว่ารถยนต์ไฮบริดก็ยังเป็นรถที่เหมาะสมกับสภาพราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ใช้งานสะดวกสบายไม่ต้องปรับตัว ขับไปไหนก็ได้ไม่ต้องวางแผนมาก ประหยัดน้ำมัน ประหยัดเวลา ช่วงล่างแน่นหนึบแต่นุ่มนวลพอตัว และได้ฟังก์ชั่นเต็มคันแบบนี้ แม้รุ่นเริ่มต้นนี้จะแพงกว่ารุ่นก่อนหน้าแต่นี่คือ รถยนต์ Full Hybrid ที่เทคโนโลยีสูงมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งในรถจากค่ายญี่ปุ่นเลยครับ 

วันเปิดตัวรถ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่

ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท
รุ่น e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท   
รุ่น e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่
เสริมความมั่นใจในการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ด้าน e:HEV (e:HEV Expert) จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ
เช็กรายละเอียดโปรโมชันตามแบรนด์
 
 
ดูรายละเอียด Honda Accord Hybrid
รวมดีล โปรโมชั่นรถยนต์ Honda ทุกรุ่น
รถยนต์ Honda ทุกรุ่น
ถุงลม 8 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย
ลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง
หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
สีขาวแพลทินัม (มุก)
สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
สีดำคริสตัล (มุก)
พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)


tokyo motor show 2024: ลองขับ Honda Accord e:HEV รุ่น E เริ่มต้น 1.5 ล้านบาทสุดคุ้มแรง เกาะ นุ่ม ออปชั่นเกินพอ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/tokyomotorshow/

 

ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google