แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 34
1
การใช้เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE ช่วยปรับปรุงการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อใบหน้าในเด็กได้ดี

 ในการจัดฟันในเด็ก หลายคนคงเคยได้ยินว่า การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้หลากหลายรูปแบบ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ปัญหารูปร่างฟันที่ผิดปกติ แน่นอนว่าการจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาฟันเด็กได้อย่างหลากหลาย ซึ่งเด็กสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 4 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถพาเด็กเข้ามาตรวจช่องปากกับทันตแพทย์จัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ฟันแท้งอกครบทุกซี่ เพราะเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน

การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนโต ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันที่เหมาะสำหรับเด็กในวัยนี้คือ การจัดฟันด้วยเครื่องมือ EF LINE เพราะเป็นเครื่องมือที่เด็กสามารถใส่ได้อย่างสะดวก มีลักษณะเป็นชิ้นยางไม่ทำให้รู้สึกระคายเคืองช่องปากและสามารถแก้ไขปัญหา กล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ด้วย ในเด็กที่มีพฤติกรรมการดูดนิ้ว ดูดขวดนม นอกจากนี้เด็กที่มีปัญหา ฟันหน้ายื่น มีฟันสบผิดปกติ

เพราะอาจทำให้ขากรรไกรเติบโตแบบไม่สมดุลกัน มีปัญหาช่องฟันห่าง เพราะช่วยปรับให้ซี่ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และง่ายต่อการขึ้นของฟันแท้ ขากรรไกรไม่ได้สัดส่วนกับหน้า เพราะเจริญเติบโตผิดปกติ หรือการกลืนผิดปกติ และนอนหายใจทางปาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยเครื่องมือ EF LINE ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของเครื่องมือ EF LINE ช่วยปรับปรุงการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อใบหน้าในเด็กได้ดี

 สำหรับเครื่องมือ EF LINE นั้น จัดเป็นงานการประยุกต์และปรับปรุงการเจริญเติบโตซึ่งจะได้ผลดีเมื่อเริ่มในเด็ก เหมาะสำหรับเด็กที่มีการสบฟันแบบ ฟันบนยื่นมากสามารถแก้ไขได้ภายใน 6-9 เดือน โดยการใช้เครื่องมือ EF LINE จะทำในเด็กที่อยู่ระหว่างการเจริญเติบโต หรือก่อนการเจริญเติบโตสูงสุดของร่างกาย ซึ่งถ้าเด็กอยู่ในระยะฟันชุดผสมจะให้ผลดี หรือในเด็กที่มีโครงสร้างใบหน้าผิดปกติ

การให้การรักษาก่อนถึงระยะการเจริญเติบโตประมาณ 2-3 ปี ทั้งในเด็กหญิงและเด็กชายจะให้ผลลัพธ์ดีและปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาหายใจทางปาก ปัญหาการวางตำแหน่งลิ้นไม่ถูกต้อง และการกลืนที่ผิดปกติ พร้อมกับการจัดฟันให้ดีขึ้น ทำให้ประหยัดเวลาและง่ายต่อการจัดฟันด้วยเครื่องมือติดแน่น ลดปัญหาฟันเคลื่อนหลังถอดเครื่องมือจัดฟันติดแน่นได้ด้วย โดยเครื่องมือ EF line สามารถใช้ได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี

โดยเครื่องมือในกลุ่มนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า เป็นต้น ซึ่งทันตแพทย์จะพิจารณาในการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาของเด็กแต่ละคน สำหรับเด็กที่มีคางเบี้ยว ขากรรไกรล่างเยงแบนไปจากแนวกลางใบหน้า เนื่องจากตำแหน่งฟันผิดปกติ

การสูญเสียฟันน้ำนมไปก่อนกำหนด จะมีผลทำให้กระดูกเบ้าฟันบริเวณนั้นเจริญเติบโตน้อยกว่าปกติ และมีการเคลื่อนที่ของฟันข้างเคียงเข้าสู่ช่องว่างนั้นแคบลง ไม่มีที่เพียงพอสำหรับการขึ้นของฟันแท้ที่จะขึ้นมาแทนที่ ดังนั้น เครื่องมือการจัดฟัน EF LINE สำหรับเด็กจึงมีประสิทธิภาพมากในการแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อใบหน้าและปัญหาความผิดปกติของฟันได้เป็นอย่างดี

ถ้าหากพบว่า บุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างใบหน้า หรือกล้ามเนื้อใบหน้าที่มีความผิดปกติ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม ควรพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการแก้ไข เพื่อที่จะได้มีรูปหน้าที่สวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพราะการที่เรามีฟันที่เรียงตัวสวยงาม จะช่วยส่งเสริมในเรื่องของการดูแลสุขภาพฟันที่ง่ายมากขึ้น ทำให้เราทำความสะอาดฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติดังกล่าว สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และช่วยวิเคราะห์ใบหน้าและหาแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เพื่อให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

2
หมอออนไลน์: ถุงน้ำดีอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบ หมายถึง ภาวะที่ถุงน้ำดีมีการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) ดังนั้น จึงพบได้บ่อยในผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี และพบได้บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 50-69 ปี

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้และปวดท้องเกิดขึ้นฉับพลันทันที เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (acute cholecystitis)" ซึ่งมักมีอาการปวดท้องรุนแรง นับว่าเป็นโรคที่รุนแรงที่ต้องเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลอย่างรีบด่วน เนื่องเพราะหากปล่อยไว้หรือได้รับการรักษาที่ล่าช้า อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ส่วนน้อยอาจมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่ชัดเจน และมักไม่ได้ถูกวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (chronic cholecystitis)" ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้นซ้ำซาก จะทำให้ผนังถุงน้ำดีหนาตัว ไม่สามารถขยายตัวและบีบตัวได้เป็นปกติ และหากปล่อยไว้ อาจกลายเป็นถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

ถุงน้ำดีอักเสบพบมากในกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน) ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงสูง


สาเหตุ

ถุงน้ำดีอักเสบ ส่วนใหญ่มักเป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) หรือตะกอนในถุงน้ำดี (gall bladder sludge)  เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนหลุดออกจากถุงน้ำดีลงมาอุดตันบริเวณปากถุงน้ำดี (cystic duct) ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้นและมีการขยายตัว ทำให้เยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้เกิดการอักเสบ และบางรายอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น อีโคไล เคล็บซิลลา สเตรปโตค็อกคัส  สแตฟีโลค็อกคัส เป็นต้น) ร่วมด้วย

มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี แต่เกิดเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ อาทิ  โรคติดเชื้อ (เช่น เอดส์ ตับอักเสบจากไวรัส ไทฟอยด์ เป็นต้น), ภาวะอุดกั้นของท่อน้ำดี (จากเนื้องอกในช่องท้อง หรือจากการตีบตันของท่อน้ำดีที่เกิดความผิดปกติ), การผ่าตัดในช่องท้อง, การบาดเจ็บรุนแรง หรือบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก, ภาวะขาดอาหารรุนแรง, การเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่กระทบต่อถุงน้ำดี หรือเกิดการทำลายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นต้น มักพบในผู้ป่วยที่สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีการเจ็บป่วยหนัก นอนรักษาตัวในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก มีภาวะช็อก หัวใจล้มเหลว หรือโลหิตเป็นพิษ หรือแพทย์ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition) เป็นเวลานาน สันนิษฐานว่าปัจจัยเหล่านี้ทำให้ถุงน้ำดีบีบตัวได้น้อย และน้ำดีซึ่งมีความเข้มข้น (เนื่องจากมีไข้สูงจากโรคที่เป็นสาเหตุ และภาวะขาดน้ำ) คั่งค้างอยู่ในถุงน้ำดีนาน ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้น และเยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้ถุงน้ำดีอักเสบ*

*ถุงน้ำดีอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (acalculous cholecystitis) พบได้ราวร้อยละ 5-10 ของผู้ที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบทั้งหมด ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ส่วนมากจะเกิดอาการถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้สูงและปวดท้องรุนแรง) แต่มีความรุนแรง (คือมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่ ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า และถุงน้ำดีแตกทะลุ) และมีอัตราตายมากกว่าถุงน้ำดีอักเสบที่เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (calculous cholecystitis) แพทย์จะทำการรักษาแบบเดียวกับถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน


อาการ

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยมีการอักเสบเกิดขึ้นฉับพลันทันที ด้วยอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องรุนแรง ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา เวลาหายใจลึก ๆ จะปวดเจ็บมากขึ้น  และมักมีอาการกดเจ็บ (ใช้มือกดตรงบริเวณที่ปวดจะรู้สึกเจ็บมาก) อาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวาหรือ ตรงกลางหลัง นอกจากนี้ อาจมีอาการท้องอืด เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

อาการมักเกิดหลังกินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารมัน ๆ และจะมีอาการปวดท้องตลอดเวลาต่อเนื่องไปจนกว่าจะได้รับการรักษา

บางรายอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น) และอุจจาระสีซีดขาว เนื่องจากน้ำดีถูกอุดกั้น ระบายสู่ลำไส้ไม่ได้ และย้อนเข้ากระแสเลือด

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งอาการจะกำเริบเมื่อนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวไปอุดตันปากถุงน้ำดี ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องแบบเล็กน้อยตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา บางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวา หรือตรงกลางหลัง และอาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน อาการมักเป็นในเวลาตอนเย็นหรือกลางคืน หรือหลังจากกินอาหารมัน ๆ อาการปวดท้องที่เป็นเพียงเล็กน้อยตรงชายโครงขวาและใต้ลิ้นปี่ มักทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย

อาการปวดท้องแต่ละครั้งจะเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ แล้วก็จะหายไปได้เองอยู่ระยะหนึ่ง (เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวหลุดออกจากปากถุงน้ำดี ทำให้การอุดตันนั้นคลายไป) ต่อมาอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อเกิดการอุดตันกลับมาอีก อาการก็จะกลับมากำเริบใหม่ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยอาจมีอาการแรงขึ้นหรือบ่อยขึ้น

บางรายในเวลาต่อมาอาจมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้ ปวดท้องรุนแรง) หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้นได้


ภาวะแทรกซ้อน

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี (empyema of gallbladder) ซึ่งเกิดจากน้ำดีในถุงน้ำดีเกิดการติดเชื้อ กลายเป็นหนองขังอยู่ในถุงน้ำดี อาจทำให้เกิดภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อ (septic shock) เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีเป็นเนื้อตายเน่า (gangrene of gallbladder) ซึ่งเกิดจากผนังถุงน้ำดีที่อักเสบเกิดการบวมและขยายตัว ทำให้ขาดเลือดและเนื้อเยื่อตาย ถุงน้ำดีเกิดการแตกทะลุ เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบและหนองในช่องท้อง เชื้อเข้ากระแสเลือด กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีที่มีภาวะพองลม (emphysematous cholecystitis) เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีแข็งและตีบตัว ทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่สร้างก๊าซ (gas forming organism เช่น กลุ่มเชื้อคลอสตริเดียม อีโคไล เป็นต้น) ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซ (การพองลม) ในผนังถุงน้ำดีและภายในของถุงน้ำดี เป็นภาวะที่พบได้น้อย พบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคนี้ ซึ่งมีอัตราตายสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเนื้อตายเน่าและการแตกทะลุของถุงน้ำดี
    ภาวะแทรกซ้อนอื่นที่อาจพบได้ เช่น ภาวะโลหิตเป็นพิษ (เชื้อเข้ากระแสโลหิต) ตับอ่อนอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ตับอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง อาจพบภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    มีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนตามมาในภายหลัง และอาจมีผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงดังกล่าวข้างต้น
    ลำไส้อุดกั้น (small bowel obstruction) เนื่องจากเกิดทางทะลุ (fistula) ระหว่างถุงน้ำดีกับลำไส้เล็ก นิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไปอุดกั้นในลำไส้เล็ก ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืดแน่นรุนแรง เรียกว่า "ภาวะลำไส้อุดกั้นจากนิ่วน้ำดี (gallstone ileus)"
    ท่อน้ำดีเกิดการอุดกั้น จากการกดเบียดของพังผืดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี ทำให้เกิดภาวะดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น และอุจจาระสีซีดขาว) และอาจเกิดการติดเชื้อ ทำให้ท่อน้ำดีอักเสบแทรกซ้อนได้
    การอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของถุงน้ำดีมากกว่าปกติ

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

การตรวจร่างกาย ในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันมักพบว่ามีไข้ กดเจ็บมากตรงใต้ชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ บางรายอาจตรวจพบอาการตาเหลืองตัวเหลือง

ส่วนในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง จะไม่พบว่ามีไข้ หรืออาการตาเหลืองตัวเหลือง และอาจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจนอื่น ๆ ยกเว้นบางรายอาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (abdominal ultrasound) และการตรวจเลือด (ในถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ และการทำงานของตับผิดปกติ) เป็นหลัก ในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อเข้ากระแสโลหิต (โลหิตเป็นพิษ) แพทย์จะทำการเพาะเชื้อจากเลือด (blood culture) และทดสอบความไวของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (endoscopic ultrasound) การถ่ายภาพรังสีตรวจถุงน้ำดีโดยการกินสารทึบรังสี (oral cholecystography) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจสแกนตับและทางเดินน้ำดี (hepatobiliary scan) การส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography/ERCP) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยให้ผู้ป่วยงดน้ำและอาหารเพื่อให้ถุงน้ำดีได้พัก และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ให้ยาบรรเทา (เช่น แก้ปวด แก้ไข้ แก้คลื่นไส้อาเจียน)

2. ให้ยาปฏิชีวนะ รักษาการติดเชื้อ ซึ่งมักจะให้ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นหลัก

3. ทำการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงน้ำดีอักเสบกำเริบซ้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ซึ่งจะพิจารณาทำการผ่าตัดในเวลาที่เหมาะสม ยกเว้นในรายที่มีภาวะที่รุนแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า ภาวะโลหิตเป็นพิษ) หรือการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดแบบรีบด่วน

การผ่าตัด แพทย์จะเลือกวิธีผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy) หรือผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง (open cholecystectomy) โดยพิจารณาตามสภาพปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย

ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดถุงน้ำดี แพทย์จะใช้วิธีผ่าระบายถุงน้ำดี (cholecystostomy) โดยทำการเปิดถุงนํ้าดีผ่านทางหน้าท้อง เพื่อระบายเอาหนองหรือน้ำดีออกทางท่อต่อสายยางที่เย็บติดกับทางเปิดนั้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ได้ผลดี ร่างกายฟื้นตัวหายได้เป็นปกติ

ส่วนน้อยอาจมีความยุ่งยากในการรักษา หรือเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิตหรือโลหิตเป็นพิษ), มีภาวะดื้อต่อยาที่รักษา, หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น)

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบไม่รีบด่วน คือนัดหมายให้ทำในเวลาที่สะดวกและมีการเตรียมความพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่จะทำการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง การผ่าตัดถุงน้ำดีนอกจากจะได้ผลดีและปลอดภัยแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ได้รับอันตรายจากการเกิดถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สำหรับผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังบางคนที่ยังไม่สะดวกหรือไม่พร้อมที่จะรับการผ่าตัด หากร่างกายยังแข็งแรงดี หรือมีอาการยังไม่มาก แพทย์จะทำการติดตามดูอาการเป็นระยะ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อไม่ให้อาการกำเริบบ่อย


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นถุงน้ำดีอักเสบ เช่น มีไข้และปวดท้องรุนแรงตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา หรือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ซึ่งกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ได้ผล หรือเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด
    ผู้ป่วยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังที่ยังไม่ได้ผ่าตัด ซึ่งแพทย์นัดติดตามดูอาการเป็นระยะนั้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

- ทำงาน และออกกำลังกายได้เป็นปกติ แต่ไม่ให้หักโหมมากเกินไป
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหาร 
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู มันหมู  หมูสามชั้น หมูกรอบ ขาหมู ข้าวมันไก่ เนื้อวัวติดมัน หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก เนย ครีม กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (เช่น หอยแครง หอยนางรม ปลาหมึก) อาหารทอด (เช่น แคบหมู หมูทอด ไก่ทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบทอด) เป็นต้น
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- งดสูบบุหรี่และดื่มสุรา
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรง หรือปวดท้องบ่อย มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ) หรือมีความวิตกกังวล

    ผู้ป่วยที่กลับจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัด

- ควรพักฟื้น และหลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือยกของหนักจนกว่าจะฟื้นตัวเป็นปกติ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- ดูแลรักษาแผลผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารโปรตีนให้มาก เช่น นมพร่องมันเนย ไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้ ถั่วเหลือง เป็นต้น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย วันละ 5-6 มื้อ แต่ละมื้อลดปริมาณลงเหลือครึ่งหนึ่งของปกติ (จากที่เคยกินวันละ 3 มื้อ)
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าแผลอักเสบ, หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินมาก ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ), หรือถ้ากินยาที่แพทย์สั่งให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)


การป้องกัน

1. หาทางป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วน้ำดี โดยปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

    รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินหรือเป็นโรคอ้วน
    ถ้าต้องการลดน้ำหนักตัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ลดเร็วเกินไป เนื่องเพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี
    กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้ออาหาร หรืออดอาหาร
    ลดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
    กินอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช
    ออกกำลังกายเป็นประจำ

2. ผู้ที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นนิ่วน้ำดี ควรรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีตามที่แพทย์แนะนำ

ข้อแนะนำ

1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีอาการไข้และปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา) ซึ่งพบได้บ่อยกว่าถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (มีอาการปวดท้องที่ไม่ค่อยชัดเจนและไม่รุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย) นับว่าเป็นภาวะที่ค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการสงสัย ควรไปพบแพทย์ภายใน 6 ชั่วโมง การไปพบแพทย์ล่าช้าเกินไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทำให้เกิดความยุ่งยากในการรักษาหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ

2. ผู้ที่มีอาการปวดตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาแบบไม่รุนแรง หรือมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบ่อย โดยที่สุขภาพทั่วไปเป็นปกติดี และมักมีอาการหลังกินอาหาร เป็น ๆ หาย ๆ คล้ายอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย มักจะเข้าใจว่าเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร (เช่น กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ) ถ้าลองกินยาที่ใช้รักษาโรคกระเพาะแล้วอาการไม่ทุเลา หรือมีอาการเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติเป็นนิ่วน้ำดีแบบไม่มีอาการ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน คนอ้วน เป็นต้น)

3. เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกไป หลังผ่าตัดใหม่ ๆ ผู้ป่วยบางคนอาจมีปัญหาการย่อยไขมันได้ ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน หรือถ่ายเหลวบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว ทำให้อาการทุเลาไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ ระหว่างที่มีอาการ แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน ควรกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

3
motor show: Shell เปิดจักรวาลสตาร์วอร์ส! มอบไอเท็มลิมิเต็ดสุดเท่ให้สะสม ที่ศูนย์เชลล์ เฮลิกส์ พลัสทั่วประเทศ ถึงสิ้นปีนี้

เชลล์ จัดโปรโมชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะทำให้แฟนพันธุ์แท้ สตาร์วอร์ส ต้องใจเต้นแรง! ไม่ว่าจะเป็นสาวกของ ดาร์ธ เวเดอร์ หรือแฟนตัวยงฮีโร่แห่งแสง ลุค สกายวอล์คเกอร์ โอกาสพิเศษที่จะได้ครอบครองไอเท็มสะสมสุดลิมิเต็ดมาถึงแล้ว! พบกับร่มไลต์เซเบอร์ดีไซน์สุดล้ำที่มาพร้อมลูกเล่นไฟ LED และกระเป๋าเดินทางไซซ์มินิสุดคูลลวดลาย BB-8 และซิธ ทรูปเปอร์ ให้พกพาไปในทุกการเดินทาง เพียงซื้อหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ เพาเวอร์ หรือ เชลล์ เฮลิกส์ ฟิวเซฟ ก็รับทันที ร่วมการผจญภัยในจักรวาลสตาร์วอร์สได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2567 ที่ศูนย์เชลล์ เฮลิกส์ พลัส ณ สถานีบริการน้ำมันเชลล์ทุกสาขาที่ร่วมรายการ!

นายโอมาร์ เชค กรรมการบริหาร ธุรกิจโมบิลลิตี้ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์มุ่งมั่นที่จะส่งมอบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมบริการที่เป็นเลิศแก่ผู้บริโภคทุกคนเสมอมา และด้วยแนวคิด Only at Shell, Only for You เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับแบรนด์คาแรกเตอร์ระดับโลก เพื่อนำเสนอของสะสมสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้า
ที่มาใช้บริการที่ศูนย์เชลล์ เฮลิกส์ พลัสของเรา ถือเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างนวัตกรรมของเชลล์กับความน่าตื่นเต้น
จากจักรวาลสตาร์วอร์ส"


คอลเลกชันสุดพิเศษจากเชลล์ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในจักรวาลสตาร์วอร์ส ประกอบด้วยร่มไลต์เซเบอร์และกระเป๋า
รุ่นลิมิเต็ดที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการต่อสู้อันเข้มข้นระหว่างด้านสว่างของลุค สกายวอล์คเกอร์ เจไดหนุ่มผู้กล้าหาญแห่งกาแล็กซี่ ควงคู่มากับ BB-8 ดรอยด์จอมน่ารัก พร้อมต่อกรกับด้านมืด ภายใต้การนำของดาร์ธ เวเดอร์ ลอร์ดซิธทรงอำนาจผู้น่าเกรงขาม และทัพทรูปเปอร์ซิธสุดโหด

Only at Shell, Only for you พิเศษกับลิมิเต็ดไอเทม Star Wars เฉพาะสำหรับลูกค้าเชลล์เท่านั้น
เมื่อซื้อหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ เพาเวอร์ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ที่ช่วยให้อัตราเร่งดีขึ้น ด้วยการเพิ่มสารเพาเวอร์ บูสเตอร์ เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยลดแรงเสียดทาน พร้อมทำความสะอาดเครื่องยนต์ให้ไม่มีสารตกค้าง และปกป้องเครื่องยนต์แม้ในอุณหภูมิสูง ในขนาด 4 หรือ 6 ลิตร รับทันที...ร่มไลต์เซเบอร์ไฟ LED มูลค่า 1,190 บาท มีให้เลือกสะสมได้ 2 แบบ กับดาร์ธ เวเดอร์ ในลุคเข้มขรึมสีเทา และลุค สกายวอล์คเกอร์ ร้อนแรงด้วยสีแดงเพลิง

สำหรับลูกค้าที่ซื้อหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ ฟิวเซฟ ขนาด 4 หรือ 6 ลิตร น้ำมันเครื่องที่ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยเทคโนโลยีที่ลดแรงเสียดทานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วยให้อัตราการเผาผลาญน้ำมันน้อยลง ประหยัดได้ถึง 2.2% รับทันที…กระเป๋าเดินทางไซซ์มินิ ลิมิเต็ด 12.5 นิ้ว มูลค่า 780 บาท มี 2 ลวดลายเจ๋ง ๆ ให้เลือกระหว่าง BB-8 หุ่นยนต์ผู้กล้าหาญบนกระเป๋าสีเหลือง และ ซิธ ทรูปเปอร์ เหล่าทหารผู้แข็งแกร่งบนกระเป๋าสีแดง


พกพาพลังแห่งจักรวาลใส่กระเป๋าไซซ์มินิไปกับคุณในทุกการเดินทาง และไม่ว่าฝนจะตก หรือแดดจะออก ก็พร้อมเผชิญ
ทุกสถานการณ์ด้วยร่มไฟเซเบอร์สุดเท่ ซึ่งเมื่อกางร่มก็จะรู้สึกราวกับถือดาบไฟเซเบอร์ พร้อมแสงไฟที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน
นี่ไม่ใช่แค่ร่มธรรมดา แต่เป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลแห่งตำนานสตาร์วอร์ส ที่จะปลดปล่อยพลังในตัว และก้าวเข้าสู่การผจญภัยครั้งใหม่ไปกับเชลล์

4
ตรวจอาการโรคพยาธิแส้ม้า (Trichuriasis)

โรคพยาธิแส้ม้า เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิแส้ม้า* ที่ปนเปื้อนมากับผัก อาหาร น้ำดื่ม หรือนิ้วมือ พบได้ในทุกอายุ แต่พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และพบทางภาคใต้มากกว่าภาคอื่น ๆ เป็นพยาธิที่พบได้น้อยกว่าพยาธิตัวกลมชนิดอื่น ๆ
 

*วงจรชีวิตของพยาธิแส้ม้า

พยาธิแส้ม้า (whip worm/Trichuris trichiura) เป็นพยาธิตัวกลมชนิดหนึ่ง พยาธิตัวเต็มวัย (ตัวแก่) มีลักษณะคล้ายแส้ม้า ยาวประมาณ 3-5 ซม. อาศัยอยู่ในกระพุ้งไส้ใหญ่ (cecum) และลำไส้ใหญ่ ตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมากับอุจจาระลงอยู่ตามพื้นดิน (ประมาณวันละ 3,000-20,000 ฟอง) ไข่จะเจริญเติบโตจนมีตัวอ่อนอยู่ในไข่ (ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน) เมื่อคนกลืนไข่พยาธิที่ปนเปื้อนมากับผัก ผลไม้ อาหาร น้ำดื่ม หรือนิ้วมือ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่ชอบเล่นตามดินทราย อาจมีไข่พยาธิติดเปื้อนมือได้) เข้าไป เปลือกไข่จะถูกย่อยปล่อยพยาธิตัวอ่อนออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยอาศัยอยู่ในกระพุ้งไส้ใหญ่และลำไส้ใหญ่ต่อไป

สาเหตุ

การติดต่อของโรคนี้เกิดจากการกลืนไข่พยาธิที่ปนเปื้อนมากับผัก อาหาร น้ำดื่ม หรือนิ้วมือเข้าไป


อาการ

ส่วนมากไม่มีอาการแสดงอะไร

ในรายที่มีพยาธิจำนวนมาก อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด อาจมีอาการซีด อ่อนเพลีย น้ำหนักลด


ภาวะแทรกซ้อน

ในเด็กบางคนที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการเบ่งถ่ายอุจจาระจนทำให้ทวารหนักโผล่ออกมาข้างนอก เห็นเป็นก้อนเนื้อแดง

อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางเนื่องจากการถ่ายเป็นมูกเลือดเรื้อรัง

ในเด็กที่เป็นโรคนี้เรื้อรัง อาจทำให้ร่างกายขาดธาตุเหล็ก วิตามินและสารอาหารอื่น ๆ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช้า สติปัญญาพร่อง น้ำหนักลด

นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดลำไส้ใหญ่อักเสบ หรือไส้ติ่งอักเสบได้


การวินิจฉัย

การวินิจฉัยที่แน่ชัด คือการตรวจพบไข่พยาธิในอุจจาระด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้กินยาฆ่าพยาธิ เช่น มีเบนดาโซล, อัลเบนดาโซล เป็นต้น

และให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาบำรุงโลหิตในรายที่มีภาวะโลหิตจาง เป็นต้น


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ถ่ายเป็นมูกเลือดบ่อย, เด็กมีอาการทวารหนักโผล่ หรือมีอาการอ่อนเพลีย และหน้าตาซีดเซียว ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคพยาธิแส้ม้า ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1-2 สัปดาห์
    มีอาการปวดท้องรุนแรง หรือเบ่งถ่ายจนทวารหนักโผล่
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ อย่าถ่ายอุจจาระลงพื้นดินหรือแม่น้ำลำคลอง
    ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ก่อนเตรียมอาหารและกินอาหารทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กควรกวดขันให้ล้างมือก่อนกินอาหาร และหลังกลับจากการเล่นที่สนามนอกบ้าน เนื่องเพราะเด็กมักเผลอดูดนิ้วมือเล่น ซึ่งอาจมีไข่พยาธิปนเปื้อนได้
    ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทานทุกครั้ง ถ้าไม่มั่นใจควรกินผักที่ปรุงสุก และกินผลไม้ที่ปอกเปลือก
    ดื่มน้ำสุกหรือน้ำสะอาด และกินอาหารที่ปรุงสุกและร้อน

ข้อแนะนำ

เด็กที่มีอาการเบ่งถ่ายอุจจาระจนทวารหนักโผล่ หรือมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการช้า หรือน้ำหนักน้อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด อาจมีสาเหตุจากโรคพยาธิแส้ม้าหรืออื่น ๆ ได้

5
บ้านใหม่ 2024: เตรียมพบกับ “The Galeria พระราม 5 - นครอินทร์” บ้านหายใจได้ ที่ใส่ใจทุก Generation

จะดีแค่ไหนถ้าได้อยู่ในบ้านที่ "หายใจได้" คุณก็สามารถสัมผัสความพิเศษนี้ได้ด้วยตัวเองที่ เดอะ แกเลอเรีย พระราม 5-นครอินทร์ (The Galeria Rama5 - Nakorn In)  บ้านเดี่ยว และบ้านแฝดบนทำเลศักยภาพใจกลางพระราม 5 จาก TEKA REAL ESTATE  ราคา 6.99-13 ล้านบาท*

🏠 การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์ทุก Generation
เดอะ แกเลอเรีย พระราม 5-นครอินทร์ (The Galeria Rama5 - Nakorn In) โครงการที่จะเติมเต็มทุกด้านของชีวิตคุณ บ้านแฝดและบ้านเดี่ยวบนทำเลศักยภาพ ทุกแบบบ้านสะท้อนถึงความใส่ใจ ฟังก์ชันและการออกแบบ ทุกมุมมองถูกสร้าง ด้วยความพิถีพิถัน พร้อมฟังก์ชันที่ถูกเตรียมมาให้ใช้งานได้ทุก Generation ได้อย่างลงตัว เพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบของทุกครอบครัว

โครงการมีพื้นที่ขนาด 12-0-55.5 ไร่ สังคมคุณภาพ ที่สุดของความเป็นส่วนตัว เพียง 65 ยูนิต รูปแบบบ้านของเดอะ แกเลอเรีย พระราม 5-นครอินทร์ เป็นรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น และบ้านแฝด 2 ชั้น ต่างสไตล์ไม่จำเจ ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 161-242 ตร.ม. และขนาดที่ดินเริ่มตั้งแต่ 35-50 ตร.วา ขนาดบ้านใหญ่ที่สุดคือ 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 พื้นที่พักผ่อนชั้นบน ตัวบ้านรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger 
ตัวอย่างรูปแบบบ้านแฝด

บ้านแฝด 3 ห้องนอน 1 ห้องเอนกประสงค์ 4 ห้องน้ำ(ห้องน้ำในตัวทุกห้อง) พร้อมครัวในและครัวไทย พร้อมติดตั้งเคาเตอร์ครัวให้ พื้นที่ใช้สอย 161-202 ตร.ม. 35-47 ตรว.
✅"นวัตกรรม" ที่ช่วยยกระดับการอยู่อาศัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ยกระดับการอยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยภายในบ้านแบบ magnatic และใส่ใจกับการดูแลอากาศในบ้านคุณด้วยระบบ Air Flow  นวัตกรรมที่ทำให้บ้านหายใจได้ ที่จะช่วยหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน ทำให้บ้านได้รับอากาศใหม่ในทุกวันโดย ไม่ร้อนอบอ้าว

✨ส่วนกลางที่ใส่ใจในทุกการออกแบบ
The Galeria Rama5 - Nakorn In มาพร้อมสระว่ายน้ำระบบเกลือ ที่เป็นมิตรต่อผมและผิว แยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่ ฟิตเนส อุปกรณ์ครบ เปิดรับวิวสวนสวยและวิวสระว่ายน้ำแบบ panorama ให้คุณได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ พร้อมสนามเด็กเล่นที่ออกแบบพิเศษเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ Co-working ที่พร้อมให้คุณได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆได้ทุกวัน


📍โครงการทำเลดีใจกลางพระราม 5
The Galeria พระราม 5-นครอินทร์ ตั้งอยู่บนถ.บางไผ่พัฒนา ในซอยบางไผ่พัฒนา-แยกวัดตึก ใกล้ถนนนครอินทร์ 700 ม. เข้าออกเมืองสะดวก ใกล้ Central WestVille เพียง 10 นาที เชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทาง ทั้งถนนนครอินทร์ ถนนราชพฤกษ์ ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี

6
อาหารสายยาง การให้สารอาหารทางเส้นเลือด

หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อน การให้อาหารนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี ไม่ใช่แค่เพียงจากทางปาก หรือการใส่สายยางให้อาการลงสู่กระเพาะอาหารแล้วนั้น การดูแลผู้ป่วยที่จำเป็นจะต้องได้รับแผนการรักษาที่ถูกต้อง หนึ่งในนั้นคือด้านอาหาร อาหารนั้นคือสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะตกอยู่ในภาวะที่เจ็บป่วยหรือไม่เจ็บป่วย อาหารจะเป็นหนึ่งปัจจัยในการขับเคลื่อนร่างกายให้ทำงานสู่ระบบสู่ภาวะปกติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบเซลล์ รวมไปถึงการทำงานของอวัยวะต่าง ๆในร่างกาย ที่สามารถทำให้เราใช้ชีวิตประจำวัน ปกติได้ วันนี้เราจะมาพูดถึงการให้อาหารผู้ป่วยผ่านหลอดเลือด


ซึ่งการให้อาหารแก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ แม้ว่าการกินอาหารทางปากตามปกติจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรทำมากที่สุด แล้วก็ตาม แต่ในผู้ป่วยบางท่านไม่สามารถรับอาหารได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื่องจากจะเกิดผลจากการรักษา  เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งบริเวณศีรษะ ลำคอ หลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหาร เป็นต้น ที่มีผลต่อการรับประทานอาหารทางปาก ผู้ป่วยอาจมีความจำเป็นที่จะ ต้องรับอาหารทางท่อสายยางเข้าสู่กระเพาะอาหารหรือให้ทางเส้นเลือด โดยรับสารอาหารในสูตรต่าง ๆ จากการเลือกของแพทย์ โดยมากมักเป็นของเหลวที่ประกอบด้วย น้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน หรือเกลือแร่ ซึ่งเลือกให้ตามความต้องการและวิธีการให้สารอาหาร

แม้ว่า การให้สารอาหารเสริมจะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้แต่วิธีการนี้ก็อาจจะมีความ เสี่ยงและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเสมอ รู้จักว่าผลข้างเคียงจากการให้ผ่านทางสายยางให้อาหารลงสู่กระเพาะอาหาร อาจจะแตกต่างกับการให้อาหารผ่านเส้นเลือดก็เป็นได้ การให้อาหารเสริม มีประโยชน์ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวน้อยได้  หรือแม้แต่กรณีผู้ป่วยไม่สามารถดูดซึมอาหารได้ และมีรูหรือการรั่วไหลในกระเพาะอาหารหรือช่องท้อง และยังมีอาการไม่สามารถดื่มหรือกินอาหารได้เป็นเวลานานกว่า 5 วัน และยังมีความเสี่ยงของการขาดสารอาหารในระดับปานกลางขึ้นไป อาการทั้งหลายเหล่านี้ก็จำเป็นจะต้องได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือด

อาหารผ่านทางเส้นเลือดจะแตกต่างจากการให้ผ่านทางกระเพาะอาหารโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นการให้สารอาหารแก่ผู้ป่วยผ่านทางระบบเลือด โดยจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับอาหารทางปากหรือทางกระเพาะอาหารได้  โดยจะเป็นการให้สารอาหารเข้าสู่ระบบเลือดโดยไม่ผ่านระบบการย่อยอาหารของผู้ป่วยใด ๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่กระเพาะอาหารและลำไส้ถูกตัดออกไปหรือไม่สามารถทำงานได้ หรือกลุ่มมีอาการถ่ายเหลว อาเจียน และยังมีอาการเจ็บในช่องปาก หรือหลอดอาหาร หรือมีรูรั่วในกระเพาะอาหารหลอดอาหาร และสุดท้ายมีอาการสูญเสียมวลร่างกายและกล้ามเนื้อ ปัจจัยต่าง ๆของการเจ็บป่วยทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนจำเป็นต้องการการให้อาหารผ่านทางเส้นเลือด


เนื่องจากว่าเป็นการให้อาหารผ่านทางเส้นเลือดโดยตรง เข้าสู่ระบบร่างกายได้โดยตรง ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ให้จะต้องมีความเชี่ยวชาญที่จะสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะของเหลวที่นำมาให้ผ่านทางหลอดเลือดนั้น จะสามารถเข้าสู่ร่างกายตรงสู่หัวใจได้ ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อหลังให้อาหารทางหลอดเลือด การสังเกตอาการหลังให้ทันทีนั้นจำเป็นมากที่สุด ผู้ป่วยอาจมีภาวะแพ้ หรือร่างกายไม่สามารถรับสารอาหารนี้ได้ หากผู้ป่วยมีผลข้างเคียงอย่างชัดเจน อาจจะถึงอันตรายแก่ชีวิตได้ แต่ถ้าหากผู้ป่วยนั้นไม่มีผลข้างเคียงกับสารอาหารที่ให้ผ่านทางเส้นเลือด ก็จะถือว่าสารอาหารนั้นเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการอย่างที่กล่าวมาข้างต้น สามารถได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน

ในการดูแลผู้ป่วย มีมุ่งหมายอย่างเพียงอย่างเดียวคือต้องการให้ผู้ป่วย หายจากอาการเจ็บป่วย ณ ขณะนั้นที่เป็นอยู่ การให้อาหารที่ถูกต้องและควรแก่ร่างกายของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยู่ในแผนการรักษาของแพทย์ หากขาดสิ่งสำคัญไปอย่างใดอย่างหนึ่ง อาการดำเนินของโรคผู้ป่วยก็อาจจะล่าช้าลงไป หากใช้เพียงอาหารแก่ผู้ป่วยอย่างเดียว ไม่ได้รับยารักษา ก็ทำให้อาการของโรคดำเนินไปได้ช้าเช่นกัน


หรือแม้แต่การได้รับยาเพียงอย่างเดียว ไม่รับอาหาร ก็จะสังเกตได้ว่าอาการของโรคก็ดำเนินไปช้าได้เช่นกัน จึงทำให้เราเห็นได้แล้วว่า การบำบัดผู้ป่วยด้วยอาหารนั้น ความสำคัญมากน้อยเพียงใด ทางเราจึงพยายามคิดค้นสูตรอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อให้การดำเนินการของโรค เป็นไปอย่างราบลื่น เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญ ที่คอยดูแลและใส่ใจ มีสูตรอาหารและผลิตภัณฑ์ของเราออกมามีคุณภาพ ทำให้คุณสามารถไว้ใจในผลิตภัณฑ์ของเราได้ อย่างมั่นใจ

7
จัดฟันบางนา: วิธีพาลูกพบ ทันตแพทย์ ครั้งแรก อย่างถูกต้อง !

หลายคนคงมองว่าการเข้าพบทันตแพทย์นั้น เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ หรือควรโตก่อนค่อยตรวจสุขภาพฟัน ผู้ปกครองมากมายจึงละเลยที่จะดูแลสุขภาพในช่องปากของบุตรหลาน โดยหารู้ไม่ว่า สุขภาพฟันของบุตรหลานท่าน มีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญเติมโตของร่างกาย การพาลูกไปพบทันตแพทย์จึงเป็นหนึ่งในเรื่องจำเป็น เพราะ ถ้าบุตรหลานสุขภาพฟันแข็งแรงก็จะสามารถบดเคี้ยวอาหาร เพื่อซึมซับสารอาหารทั้ง 5 หมู่ได้ดี การดูแลช่องปากตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของชีวิตจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตของทุกคน

โดยในวันนี้จะขอแนะนำท่านผู้อ่าน เกี่ยวกับรายละเอียดการพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากดังต่อไปนี้

บุตรหลาน ควรพบ ทันตแพทย์ ครั้งแรก เมื่อไหร่ถึงจะดี ?

โดยปกติแล้วผู้ปกครองส่วนใหญ่ จะคิดว่าควรพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์ เมื่อมีอายุครบ 3 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันน้ำนมกำลังขึ้นเกือบเต็มปาก แต่จริงๆแล้ว กุมารแพทย์มักจะแนะนำผู้ปกครองเสมอว่า ให้พาบุตรหลานพาลูกเข้าพบทันตแพทย์เมื่อมีฟันซี่แรกงอกออกมา เพื่อที่จะให้ทางด้านทันตแพทย์แนะนำการดูแลสุขภาพของฟันได้อย่างถูกต้อง รวมถึงเป็นการส่งเสริมด้านทัศนคติให้เกิดเป็นความเคยชิน ไม่กลัวการเข้าพบทันตแพทย์เมื่อโตแล้ว
ซึ่งเมื่อบุตรหลานของท่านมีอายุประมาณ 6 เดือน ฟันหน้าล่างสองซี่จะเริ่มขึ้นแล้ว จึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ควรเข้าพบทันตแพทย์ได้แล้ว และควรพาบุตรหลานของท่านพบทันตแพทย์ ทุก 3-6 เดือน

สัญญาณเตือน ฟันลูกเริ่มขึ้น ?

– ชอบแทะ เคี้ยว หรือกัด
– เหงือกเริ่มบวมแดงจนผิดปกติ แล้วเมื่อใช้เมือลูบเบาๆ จะเห็นว่ามีความแข็งเป็นอย่างมาก
– น้ำลายไหลมากกว่าปกติ
– ลูกจะมีอาการหงุดหงิดมากกว่าปกติ เพราะ จะมีอาการปวดเหงือก
– เริ่มเบื่ออาหารเหลวๆ เพราะ ต้องการอาหารที่มีความแข็งขึ้น เนื่องจากอาการคันเหงือก

วิธีดูแลลูกเมื่อฟันเริ่มขึ้น ?

เมื่อลูกฟันเริ่มขึ้น จะมีอาการหงุดหงิดอย่างมาก เนื่องจากลูกรู้สึกไม่สบายตัว เพราะ คันและปวดเหงือกมาก สิ่งที่ผู้ปกครองต้องทำในช่วงนี้ก็คือ หาของเล่นยาง หรือผักแข็งๆ โดยนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อไว้ให้ลูกน้อยกัดเล่น ก็จะช่วยลดอาการปวด และคันเหงือกได้ดีเป็นอย่างมาก

วิธีเตรียมตัวพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์ครั้งแรก อย่างถูกต้อง ?
ปัญหาที่พบบ่อยๆ ในการพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์ครั้งแรกก็คือ ความกลัวและวิตกกังวล ซึ่งถือว่าเป็นตัวการใหญ่ในการที่คนส่วนใหญ่เวลาโตแล้ว ไม่อยากที่จะเข้าพบทันตแพทย์ นอกจากมีอาการทางช่องปากที่รุนแรงจริงๆ วันนี้จึงอยากจะมาขอแนะนำเบื้องต้น สิ่งที่ผู้ปกครองควรเตรียมตัวก่อนที่จะพาลูกเข้าพบทันตแพทย์ครั้งแรกดังต่อไปนี้

– เล่านิทานเกี่ยวกับการทำฟัน
ก่อนที่จะนัดพบทันตแพทย์ ผู้ปกครองควรเล่านิทานที่เกี่ยวกับการทำฟัน เพื่อให้ลูกได้รู้บทบาทของทันตแพทย์ และความสำคัญของฟัน รวมถึงให้ดูวีดีโอการตรวจฟันง่ายๆ เพื่อให้ลูกได้คุยเคยกับบรรยากาศในการทำฟัน

– เล่นบทบาทสมมติ
ให้ผู้ปกครองเล่นกับลูกเป็นหมอฟัน เล่นเกี่ยวกับการพบทันตแพทย์ในเชิงบวก โดยสลับกันให้ลูกน้อยเป็นคนไข้บ้าง เป็นทันตแพทย์บ้าง เพื่อให้ลูกได้เข้าใจถึงบทบาท และสิ่งที่ทันตแพทย์ต้องทำในสถานการณ์จริง

– พูดความจริง อย่าโกหก
เมื่อจะพาลูกไปพบทันตแพทย์ อย่าบอกลุกว่าจะพาไปที่อื่น ให้บอกตามความจริง และบอกเหตุผลที่ต้องไป ว่าไปเพราะอะไร เพราะไม่งั้นจะเกิดการต่อต้านมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

– สร้างทัศนคติที่ดี
ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานเข้าพบทันตแพทย์ตั้งแต่ที่ฟันยังไม่มีปัญหาใดๆ เพราะ ทันตแพทย์จะได้ทำการตรวจง่ายๆ และทำให้ทัศนคติของเด็กมองว่าการมาพบทันตแพทย์ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่เจ็บปวดแต่อย่างใด แต่ถ้าหากพามาในช่วงที่ฟันผุลูกอาจจะมองการมาพบทันตแพทย์ในเชิงลบได้ และทำให้ไม่อยากมาอีก

– อย่าข่มขู่
หลีกเลี่ยงการพูดถึงความน่ากลัว เช่น ฉีดยา ถอนฟัน ความเจ็บ หรือแม้แต่การพูดถึง หมอ หรือทันตแพทย์ ในด้านลบเพื่อไว้ข่มขู่ลูก ให้พูดถึงทันตแพทย์ในเชิงบวกว่าเป็นฮีโร่ในการปกป้องฟันไม่ให้ปวดเพื่อให้ลูกไม่กลัวที่จะเข้าพบทันตแพทย์

ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นตัวช่วยในการเตียมตัวพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์ และการปลูกฝังด้านบวกในเรื่องการรักษาสุขภาพฟัน และที่สำคัญที่สุดเลย หากบุตรหลานของท่านมองว่าการทำฟันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแล้ว มีทัศนคติที่ดีแล้ว ให้พามาพบทันตแพทย์ให้เป็นประจำทุก 3-6 เดือน อย่าให้ขาดเพื่อสุขภาพฟันที่ดีอย่างยาวนาน

8
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


9
วัดไผ่เงินโชตนาราม ถนนจันทน์ ทำบุญ ขอพรการค้า การงาน และเงินทองโชคลาภแบบปัง ๆ

ไหว้พระ วัดไผ่เงิน ย่านถนนจันทน์ ขอพร 3 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ท้าวเวสสุวรรณ และพระแม่ลักษมี เฮง ๆ ปัง ๆ ทั้งการงาน การเงิน และ

ถนนจันทน์ หรือ ตรอกจันทน์ ย่านชุมชนเก่าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่มีบรรยากาศคึกคัก ผู้คนพลุกพล่านทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นแหล่งขึ้นชื่อเรื่องอาหารมากมาย ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟคาเฟ่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีวัดชื่อดังอย่าง วัดไผ่เงินโชตนาราม หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า วัดไผ่เงิน ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สายมูรู้จักกันดีอย่าง พระแม่ลักษมี ที่ดังมากในเรื่องการขอพรด้านความร่ำรวย โชคลาภเงินทอง และความรัก แต่รู้หรือไม่ว่า วัดไผ่เงิน ถนนจันทน์ ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายให้สายมูได้กราบไหว้ขอพรกันอีก ใครที่กำลังหาวัดในกรุงเทพฯ น่าไปทําบุญ เดินทางสะดวก เรามีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับวัดไผ่เงินมาฝาก ดังนี้

วัดไผ่เงิน ที่ตั้งและประวัติ

           วัดไผ่เงิน หรือ วัดไผ่เงินโชตนาราม ตั้งอยู่ที่ซอยวัดไผ่เงิน ถนนจันทน์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2335 (รัชกาลที่ 1) ไม่ทราบนามและประวัติผู้สร้าง เดิมชื่อว่า วัดไผ่ล้อม ต่อมาทางราชการได้เวนคืนที่ดินตำบลคลองเตย ซึ่งวัดเงินตั้งอยู่ เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ ด้วยเหตุนี้ วัดเงินจึงได้รื้อเสนาสนะมารวมสร้างกับวัดไผ่ล้อม แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น วัดไผ่เงิน ในปี พ.ศ. 2482 (รัชกาลที่ 8) ต่อมาทางวัดได้อัญเชิญ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นพระประธานจากวัดโชติการาม (วัดพระยาไกร) ที่ได้กลายเป็นวัดร้าง พร้อมกับย้ายเสนาสนะมารวมสร้างที่วัดไผ่เงิน จึงเท่ากับเป็นการรวม 3 วัดเข้าไว้ด้วยกัน ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดไผ่เงินโชตนาราม ในปี พ.ศ. 2483 และในปี พ.ศ. 2557 ได้รับการยกสถานะเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ

           หลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระประธานเนื้อสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 104 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัยตอนปลายต่อสมัยอยุธยาที่ถูกอัญเชิญมาจากวัดพระยาไกร (สร้างขึ้นในเวียงจันทน์) โดยหลวงพ่อสัมฤทธิ์เกี่ยวข้องกับ หลวงพ่อทองคำ ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ว่ากันว่าเป็นพระพี่พระน้องกัน พระพุทธรูปทั้งสององค์เป็นพระเก่าแก่ที่ผู้คนเลื่อมใสและเคารพศรัทธาอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปมากมายให้ได้สักการะบูชา ได้แก่ หลวงปู่ทวด วัดพะโคะ หลวงพ่อองค์ดำ และ หลวงปู่สี เป็นต้น

หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดไผ่เงิน

    เรื่องที่นิยมขอพร : การค้าขาย หน้าที่การงาน และโชคลาภเงินทอง

    เครื่องสักการะ : สามารถซื้อได้กับทางวัดไผ่เงินได้เลย

ท้าวเวสสุวรรณ และพระนารายณ์ทรงครุฑ ประทับพระราหู

          ท้าวเวสสุวรรณ วัดไผ่เงินโชตนาราม องค์สีทอง 2 องค์ มีขนาดความสูง 2.90 เมตร ขนาบข้างพระนารายณ์ทรงครุฑ ประทับพระราหู ขนาดความสูง 1.50 เมตร มีเคล็ดลับในการขอพร คือ ต้องลูบตะบององค์ท้าวเวสสุวรรณ ขณะที่อธิษฐานขอพรนั้น โดยให้จับบริเวณปลายตะบองที่พันไว้ด้วยผ้าแดง เพราะตามคติเทวะมันตราเชื่อว่าเป็นบริเวณที่มีพลังอำนาจมากที่สุด และสำหรับใครที่ดวงตก แนะนำให้ไปไหว้บูชาพระนารายณ์ทรงครุฑ ประทับพระราหู รวมถึงขอพรเรื่องความมั่งคั่งร่ำรวย โชคลาภ และสามารถปัดเป่าเคราะห์ร้ายได้

    เรื่องที่นิยมขอพร : โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย ขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี และการงานเจริญรุ่งเรือง

    เครื่องสักการะ : สามารถซื้อได้กับทางวัดไผ่เงินได้เลย

พระพิฆเนศ

           พระพิฆเนศ วัดไผ่เงินโชตนาราม เป็นพระพิฆเนศ ปางนารถคเณศ ความสูง 1.95 เมตร เนื้อทองเหลือง มี 10 กร และถืออาวุธครบ เรียกว่าเป็นพระพิฆเนศองค์มหาเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และความสำเร็จทั้งปวง ชัยชนะ เมตตา อุปถัมภ์ ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์

    เรื่องที่นิยมขอพร : เมตตามหานิยม ชัยชนะ และการงาน โดยเฉพาะด้านเงินทอง

    เครื่องสักการะ : แนะนำให้เลือกเครื่องสักการะที่เป็นธัญพืช เพราะเชื่อกันว่าสามารถงอกงามได้อย่างรุ่งเรือง ที่สำคัญไม่ควรนำเครื่องบูชาที่มีส่วนผสมของไข่ เนื้อสัตว์ และของคาวต่าง ๆ มาไหว้พระพิฆเนศโดยเด็ดขาด

พระแม่ลักษมี

          พระแม่ลักษมี วัดไผ่เงินโชตนาราม เป็นเทวรูปพระแม่ลักษมี เทพธิดาแห่งความรักและความร่ำรวย มีขนาดความสูงประมาณ 1.95 เมตร หล่อด้วยทองเหลือง ประทับนั่งบนดอกบัว สวมเครื่องประดับอัญมณี ใบหน้างดงาม ประดับด้วยดอกไม้ มี 10 กร มือซ้ายมีเหรียญอยู่เต็มฝ่ามือ สื่อถึงความมั่งคั่งและโชคลาภ สร้างขึ้นโดย วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ดารานักแสดง นางแบบ และเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมาย ด้วยความศรัทธาในพระแม่ลักษมี เพื่อให้ผู้ที่ศรัทธาได้กราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

    เรื่องที่นิยมขอพร : การเงิน โชคลาภ ผลกำไรทางธุรกิจ ยอดขายต่าง ๆ

    เครื่องสักการะ : สามารถซื้อได้กับทางวัดไผ่เงินได้เลย หรือจะเตรียมมาเองก็ได้

นอกจากนี้ วัดไผ่เงินโชตนารามยังมี พระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทวีที่ประทานความอุดมสมบูรณ์ และความรุ่งเรือง ให้ได้กราบไหว้ขอพรได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องซื้อ-ขายบ้าน ที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์

วัดไผ่เงิน การเดินทาง

    รถโดยสารประจำทาง : สาย 1271 (สองแถว), 32, 35, 62 (ปอ.), 71, 4-26 และ 4-8

    รถไฟฟ้า BTS : สามารถลงได้หลายสถานี ดังนี้

          ◇ สถานีสะพานตากสิน ทางออก 3 หรือ 4 จากนั้นต่อรถโดยสารประจำทางหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

          ◇ สถานีสุรศักดิ์ จากนั้นเดินต่อประมาณ 3 นาที

          ◇ สถานีสีลม จากนั้นให้ต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

    รถไฟฟ้า MRT : ลงสถานีลุมพินี ทางออก 2 จากนั้นต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

    รถยนต์ส่วนตัว : ลงทางด่วนพระราม 3 จากนั้นเลี้ยวเข้าซอยสาธุประดิษฐ์ 20 หรือหากลงทางด่วนฝั่งถนนจันทน์ ให้เลี้ยวเข้าซอยจันทน์ 43 แล้วมุ่งหน้าสู่วัดไผ่เงินได้เลย ทั้งนี้ สามารถตั้งพิกัด GPS ไปที่ วัดไผ่เงินโชตนาราม และจอดรถในวัดได้เลย

วัดไผ่เงิน เปิด-ปิดกี่โมง

          วัดไผ่เงินโชตนาราม เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. สามารถเข้ามาไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอด สำหรับช่วงเวลาที่คนเข้ามาไหว้สักการะค่อนข้างน้อย ไม่พลุกพล่านมากนัก คือช่วงเวลากลางคืน ใครที่ไม่ชอบคนหนาแน่น แนะนำให้มาไหว้ขอพรที่วัดไผ่เงินในช่วงกลางคืนได้

          สายมูคนไหนที่อยากไหว้พระขอพรเรื่องค้าขาย การงาน การเงิน โชคลาภต่าง ๆ สามารถไปที่ วัดไผ่เงินโชตนาราม ถนนจันทน์ ได้เลย เพราะครบจบทุกด้านในที่เดียว แต่อย่าลืมว่าการไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวให้เกิดความสบายใจเท่านั้น ต้องลงมือทำด้วยความตั้งใจจริง เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จตามที่หวังด้วยนะ

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
งานมอเตอร์โชว์ Ford แง้มเปิดตัวกระบะไฟฟ้า Ranger EV ภายในปี 2027

แม้ Ford Ranger PHEV ที่เคยบอกว่าจะมาเร็ว ๆ นี้ยังไม่มีการเปิดตัวสักที แต่ฟอร์ดก็เผยว่ากำลังจะมี Ranger EV เสียแล้ว

เมื่อไม่นานมานี้ Ford ประกาศการเปลี่ยนแปลงแผนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน หนึ่งในนั้นคือความล่าช้าและการยกเลิกการเปิดตัวรถ EV รุ่นใหม่บางรุ่น และหันมาเน้นรถพลังงานไฮบริดมากขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแผนครั้งนี้ยังเป็นการเผยข้อมูลว่า Ranger EV กระบะไฟฟ้า จะเปิดตัวเมื่อไหร่ แม้จะไม่ได้เรียกอย่างนั้นโดยตรง
 

Ford มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม EV ใหม่
 
ทีมงาน ‘skunkworks’ ในแคลิฟอร์เนียกำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม EV ใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายทำต้นทุนให้ถูกลงสำหรับการผลิต และเข้าถึงได้ง่ายกว่ารถไฟฟ้าของค่ายในปัจจุบัน
 
“รถยนต์ราคาย่อมเยาคันแรกจากแพลตฟอร์มใหม่จะเป็นกระบะไฟฟ้าขนาดกลางซึ่งจะเปิดตัวในปี 2027 ซึ่งคาดว่าจะตอบสนองลูกค้าที่ต้องการมากขึ้นทั้งเรื่องค่าตัว ระยะทางขับขี่ ประโยชน์ใช้สอย และการใช้งานที่มากขึ้น” Ford กล่าวในแถลงการณ์ต่อสื่อ
 
สำหรับ Ford Ranger นั้นเป็นรถกระบะขนาดเดียวในบ้านเรา แต่สำหรับอเมริกา Ranger ถือเป็นกระบะขนาดกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างรุ่นพี่ในตระกูล F-150 กระบะฟูลไซส์ และกระบะขนาดเล็กกว่าอย่าง Maverick

 
Ranger PHEV เตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
 
Ford มีแผนที่จะเปิดตัว Ranger PHEV รุ่นพวงมาลัยขวาในออสเตรเลียเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าจะมาภายในต้นปี 2025 และสามารถขับด้วยโหมด EV วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 45 กม.
 
นอกจากการประกาศที่บ่งบอกถึงกระบะไฟฟ้าไซส์เดียวกับ Ranger แล้ว Ford ยังเลื่อนเปิดตัว F-150 Lightning เจนถัดไป จนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2027 จากแผนเดิมที่จะเปิดตัวในปี 2025

สิ่งนี้จะช่วยให้ Ford ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ถูกลง “และใช้ประโยชน์จากการพัฒนาต้นทุนอื่น ๆ ในขณะที่ตลาดยังคงพัฒนาต่อไป” นอกจากนี้ Ford ยังยกเลิกแผนพัฒนา SUV ไฟฟ้าเบาะ 3 แถวลง และมุ่งเน้นไปที่ขุมพลังไฮบริดแทนสำหรับรถเซกเมนต์นี้
 
 
ย้ายฐานการผลิตให้ได้รับเงินสนับสนุนมากขึ้น
 
เพื่อเพิ่มเงินสนับสนุน EV จากรัฐบาลสหรัฐฯ และทำให้ผู้ซื้อเข้าถึงรถได้ง่ายขึ้น Ford จึงมีแผนที่จะย้ายฐานการผลิตแบตเตอรี่ที่ร่วมมือกับ LG Energy Solution จากโปแลนด์มายังรัฐมิชิแกนแทน
 
อย่างไรก็ตาม Ford ยังคงร่วมมือกับ CATL ค่ายแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่จากจีน แม้ว่าความร่วมมือกับจีนส่วนนี้จะทำให้ฟอร์ดไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตาม

12
ขายรถป้ายแดง Mitsubishi Triton Mega Cab LR 2.4 Active ปี2024 ราคาพิเศษ

มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Mega Cab LR 2.4 Active ปี 2023
MITSUBISHI TRITON Mega Cab LR 2.4 Active ตัวถังดีไซน์ใหม่! เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เครื่องยนต์ 4N16 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร เทอร์โบ

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
เงื่อนไข โปรโมชั่น ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.59% ตลอดอายุสัญญา
วารันตี 2ปี

ราคาพิเศษ 484,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                       Mitsubishi
   รุ่น                            มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Mega Cab LR 2.4 Active ปี 2023
   ประเภทรถ                   รถกระบะ 2 ประตู (แค็บ)
   ปีที่เปิดตัว                   2023


13
Mitsubishi Triton 2024: ปล่อยภาพตัวอย่างต่อเนื่อง รอบนี้เป็นภายในของ All-New Mitsubishi Triton ก่อนเปิดของจริงเดือนหน้า

รถใหม่ 2023 All-New Mitsubishi Triton มีการเผยภาพภายในออกมาให้เห็นเป็นภาพตัวอย่างแล้ว โดยจะได้เห็นภาพของพวงมาลัยในรูปทรงใหม่ที่ดูแตกต่างไปจากเดิม คอนโซลกลางข้างคนขับ ออกแบบให้มีเพียงไม่กี่ปุ่มให้ใช้งาน แต่ก็ยังเอาการเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ 2H, 4H, 4L เอาไว้ที่เดิม โดยมีปุ่ม Hill Decent Control กับ Drive Mode อยู่ใกล้ ๆ ส่วนเกียร์นั้น น่าจะมาในรูปทรงใหม่อย่างแน่นอน

อีกส่วนที่เห็นได้ชัดเจนว่าเปลี่ยนไปบนรถกระบะ All-New Mitsubishi Triton นั้น ก็คือหน้าจอ Infotainment ที่เปลี่ยนจากฝังลงบนคอนโซลให้เปลี่ยนมีเป็นแบบหลังลอยแบบเดียวกับบน Mitsubishi Xpander และขนาดหน้าจอก็ดูจะใกล้เคียงกันคือเป็นระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แต่จะมีเพิ่มปุ่มให้ควบคุมได้อีก 2 ข้าง


เปิดภาพตัวอย่างรถกระบะใหม่ All-New Mitsubishi Triton ก่อนเปิดตัวเดือนหน้า

มีการปล่อยภาพอย่างเป็นทางการของรถกระบะโฉมใหม่ All-New Mitsubishi Triton ออกมาเพื่อเรียกน้ำย่อยก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ เผยให้เห็นไฟหน้าแบบ LED 3 ดวง กับไฟ DRL ด้านหน้า พร้อมสัดส่วนในเงามืดที่ดุดันมากกว่าเดิม

คุณเออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “รถกระบะใหม่ All-New Mitsubishi Triton นี้ จะมาพร้อมเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง แรงเต็มขั้น แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น พร้อมด้วยแชสซีส์ใหม่ยกชุดที่จัดเต็มความแข็งแกร่งทนทาน ยกระดับสู่อีกขั้นของการขับขี่ที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง ควบคุมง่ายคล่องตัว สะดวกสบายและปลอดภัยกว่าด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เหมาะกับทั้งการขับขี่ในเมืองและบนเส้นทางออฟโรด ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย และยังมีพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานตามไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบและการบรรทุกเชิงพาณิชย์”

All-New Mitsubishi Triton พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการแบบ World Premier ในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้

14
สุขภาพดี: เทคโนโลยีตรวจสแกนกรรมพันธุ์ ก้าวล้ำของการดูแลสุขภาพในยุคปัจจุบัน

การสแกนยีนได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่ปฏิวัติวงการการแพทย์สมัยใหม่ เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ช่วยให้สามารถเจาะลึกเข้าไปในโครงสร้างทางพันธุกรรมของบุคคลได้ ช่วยระบุภาวะทางพันธุกรรม ความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นและแม้แต่กลยุทธ์ในการรักษาเฉพาะบุคคล เมื่อเราก้าวไปสู่อนาคตที่การแพทย์แม่นยำจะกลายเป็นมาตรฐานปัจจัยทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อทั้งโรคและสุขภาพโดยรวม

การตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรม (DNA) ของบุคคลหนึ่งๆ เพื่อหาความผิดปกติทางพันธุกรรมที่อาจนำไปสู่โรคต่างๆ ในอนาคต การตรวจนี้ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของวงการแพทย์ที่ช่วยให้เราสามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างแม่นยำและเฉพาะบุคคลมากขึ้น

เทคโนโลยีการสแกนยีนคืออะไร?
การสแกนยีนเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ DNAของบุคคลเพื่อระบุรูปแบบทางพันธุกรรมเฉพาะที่อาจส่งผลต่อสภาวะสุขภาพ ด้วยความช่วยเหลือของอัลกอริทึมขั้นสูงและเทคโนโลยีการจัดลำดับยีน ปัจจุบันแพทย์สามารถตรวจจับการกลายพันธุ์หรือเครื่องหมายทางพันธุกรรมที่มองไม่เห็นมาก่อนได้ ซึ่งอาจรวมถึงความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด โรคหัวใจ และแม้แต่ความผิดปกติทางสุขภาพจิต ไปจนถึงการระบุโรคทางพันธุกรรมที่หายาก

ประโยชน์ของเทคโนโลยีการสแกนยีน
การตรวจจับและการป้องกันในระยะเริ่มต้น
การสแกนยีนช่วยให้สามารถตรวจพบความเสี่ยงทางพันธุกรรมได้ในระยะเริ่มต้น ทำให้สามารถดำเนินมาตรการดูแลสุขภาพเชิงรุกได้ ตัวอย่างเช่น บุคคลที่ระบุว่ามีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองบ่อยขึ้นหรือปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยง

แผนการรักษาเฉพาะบุคคล
ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรหัสพันธุกรรมเฉพาะตัวของผู้ป่วย ผู้ให้บริการด้านการแพทย์สามารถพัฒนาวิธีการรักษาเฉพาะบุคคลได้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการรักษามะเร็ง เนื่องจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมบางชนิดตอบสนองต่อยาเฉพาะได้ดีกว่า แนวทางที่แม่นยำนี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของการบำบัดได้อย่างมาก

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การสแกนยีนสามารถระบุภาวะทางพันธุกรรมที่พ่อแม่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ ซึ่งอาจมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคู่สามีภรรยาที่วางแผนจะมีครอบครัว เนื่องจากพวกเขาสามารถตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

การปรับปรุงสุขภาพของประชาชน
การสแกนยีนช่วยให้รัฐบาลและองค์กรด้านการดูแลสุขภาพเข้าใจองค์ประกอบทางพันธุกรรมของประชากรได้ดีขึ้น ทำให้สามารถกำหนดแนวทางการแทรกแซงด้านสุขภาพและกลยุทธ์การป้องกันได้ตรงเป้าหมายมากขึ้น การระบุความเสี่ยงทางพันธุกรรมทั่วไปในประชากรบางกลุ่มจะช่วยให้การรณรงค์ด้านสุขภาพมีประสิทธิผลมากขึ้น

การพิจารณาทางจริยธรรม
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าการสแกนยีนจะให้ประโยชน์มหาศาล แต่ก็ก่อให้เกิดข้อกังวลด้านจริยธรรม ด้วยเช่นกัน คำถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลทางพันธุกรรมถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เนื่องจากข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดโดยบริษัทประกันภัยหรือผู้ว่าจ้าง นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทางพันธุกรรมซึ่งบุคคลอาจเผชิญกับอคติตามปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมของตน

อนาคตของการสแกนยีน
อนาคตมีความเป็นไปได้ที่น่าสนใจสำหรับเทคโนโลยีการสแกนยีน เนื่องจากต้นทุนของการจัดลำดับยีนยังคงลดลงและเทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เราจึงคาดว่าจะได้เห็นการผสานการสแกนยีนเข้ากับการดูแลสุขภาพทั่วไปอย่างแพร่หลาย แพทย์จะใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพทั่วไปมากขึ้น ทำให้การดูแลสุขภาพสามารถทำนายและป้องกันได้มากขึ้น

นอกจากนี้เทคโนโลยีการตัดแต่งยีนเช่น CRISPR ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการแก้ไขข้อบกพร่องทางพันธุกรรม ซึ่งอาจช่วยรักษาภาวะทางพันธุกรรมก่อนที่จะพัฒนาได้ ซึ่งเมื่อรวมกับความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในด้านปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องจักร จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำนายการสแกนยีนได้

เทคโนโลยีการสแกนยีนกำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกาย ด้วยการไขความลับของ DNA ของเรา เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ตรวจพบโรคได้ในระยะเริ่มต้น รักษาได้เฉพาะบุคคล และเข้าใจความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เรารับเอาเทคโนโลยีอันน่าทึ่งนี้ สิ่งสำคัญคือต้องจัดการกับความท้าทายทางจริยธรรมที่มากับเทคโนโลยีนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับประโยชน์สูงสุดในขณะที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูลทางพันธุกรรม อนาคตของการดูแลสุขภาพอยู่ที่ยีนของเรา และเทคโนโลยีการสแกนยีนกำลังนำทาง

15
ตอกย้ำความแรง…2 บัตรเครดิตสุดฮอตในยุคดิจิทัลสำหรับ New GEN บัตรไหนใช่ ใบไหนโดน เลือกเลย!

ในยุคที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านจากบัตรเครดิตแบบใบ ไปสู่บัตรเครดิตดิจิทัล และด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เที่ยว ช้อป ที่แทบจะแยกออกจากโลกออนไลน์ไม่ได้แล้ว ทำให้บัตรเครดิตที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนชอบท่องโลกดิจิทัล และบัตรเครดิตดิจิทัล จึงเป็นที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสามารถทำธุรกรรมได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว แถมยังมีสิทธิประโยชน์โดนใจเพียบ

 
เอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล
 
เป็นบัตรเครดิตดิจิทัลที่ออกมาพร้อมความปังบนโลกออนไลน์แบบขั้นสุด ตอบโจทย์ New Gen พกแค่บัตรเดียว แต่ได้ถึง 3 คุณประโยชน์ คือเป็นได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรผ่อนชำระสินค้า และบัตรกดเงินสด  และสามารถคอนโทรลการใช้จ่ายบนโลกดิจิทัลง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว และยังมาพร้อมสิทธิพิเศษ ผ่อนสินค้าบนโลกออนไลน์ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 6 เดือน
 
สิทธิประโยชน์หลักของ เอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล
ปังให้ลุดบนโลกออนไลน์ เปลี่ยนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตบนโลกออนไลน์ได้เองง่ายๆ ให้เป็นผ่อน 0% สั่งได้นาน 6 เดือน หรือเปลี่ยนทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้เป็นผ่อน 0% สั่งได้ 3 เดือน บนแอป UCHOOSE
รับโค้ดส่วนลดช้อปคุ้มได้ทุกเดือน (วันนี้ - 30 ก.ย. 66)
- โค้ดส่วนลดประจำเดือน Shopee รับส่วนลด 150 บาท*
- โค้ดส่วนลดประจำเดือน Lazada รับส่วนลด 150 บาท*
เปลี่ยนพอยท์เป็นแคชแบ็คสูงสุด 18%* ผ่านแอป UCHOOSE เมื่อช้อปออนไลน์ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป หรือชำระค่าสินค้าผ่าน QR Payment on UCHOOSE และ E-Wallet ในทุกหมวดสินค้า
แผนประกันภัยคุ้มครองการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ และ Payment Gateway คุ้มครองสูงสุด 20,000 บาท
- มูลค่าสินค้าที่ชำระขั้นต่ำด้วยบัตรเครดิต 2,500 บาทต่อเซลล์สลิป
- วงเงินคุ้มครอง / ต่อครั้ง / ต่อเหตุการณ์ สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
- วงเงินคุ้มครองสูงสุดตลอดอายุสัญญา (1 ปีปฏิทิน) ไม่เกิน 20,000 บาท
- ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อปี ในวงเงินสูงสุดรวม ตามแผนความคุ้มครองต่อบัตร / ต่อปี
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และรายปี ปีแรก และยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี ปีถัดไป เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสะสม 24,000 บาทต่อปี
จำกัดการใช้งานบัตร (Limit Card Usage) บริการควบคุมการใช้จ่ายด้วยตนเองได้ง่าน รวเร็ว ปลอดภัย หนึ่งในฟีเจอร์ U MANAGE
 

บัตรเครดิต กรุงศรี นาว แพลทินัม
 
เป็นบัตรเครดิตที่เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์เกาะติดกับโลกดิจิทัล มอบสิทธิพิเศษ และโปรโมชันที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ใช้งานง่าย รับเงินคืนไว พร้อมรับประกันความเสียหายจากการช้อปออนไลน์ แถมยังสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของกำนัลอีกมากมาย 
 
สิทธิประโยชน์หลักของบัตรเครดิต กรุงศรี นาว แพลทินัม
รับเครดิตเงินคืน 5%* ทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัล ไม่ว่าจะช้อป กิน ดูหนัง ฟังเพลง เติมเกม ทุกเว็บไซต์ ทุกแอปพลิเคชัน* (ยกเว้นหมวดประกัน หมวดกองทุนและหมวดท่องเที่ยว)
รับพอยต์ 2X* ที่ร้านอาหารทั่วโลก* เพียงทานอาหารครบทุกๆ 500 บาท/เซลล์สลิป จำกัดสูงสุด 300 พอยต์/เดือน
ทุกการใช้จ่าย 25 บาท รับพอยต์สะสม 1 พอยต์ ใช้แลกรับสิทธิพิเศษคุ้มค่ามากมาย
รับสิทธิ์ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 10 เดือน* สำหรับสินค้า และบริการที่ร่วมรายการ
รับความคุ้มครอง ประกันความสูญเสีย หรือเสียหายจากการซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตช่องทางออนไลน์ และชำระค่าสินค้าผ่านระบบการชำระเงินทางอินเตอร์เน็ต
- กรณีถูกลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์  ในระหว่างการจัดส่ง
- กรณีถูกโกงจากการซื้อสินค้าออนไลน์
- กรณีเกิดอุบัติเหตุทำให้สินทรัพย์สูญเสียหรือสูญหาย ในระหว่างการจัดส่ง
- มูลค่าสินค้าที่ชำระขั้นต่ำด้วยบัตรเครดิต/เซลล์สลิป 2,500 บาท
- วงเงินคุ้มครอง/ต่อครั้ง/ต่อเหตุการณ์ 10,000 บาท
- วงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน (1 ปีปฎิทิน) 20,000 บาท
รับส่วนลด และสิทธิ์เข้าพักฟรี 1 คืน* ที่โรงแรมชั้นนำที่ร่วมรายการกว่า 2,500 แห่งทั่วโลก
รับสิทธิพิเศษ และส่วนลด รถเช่า การเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยว
บริการรับรองที่สนามบินกว่า 700 แห่ง
สิทธิพิเศษ อิ่มอร่อยฟรี ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการทั่วเอเชียแปซิฟิก


คุณสมบัติผู้สมัครบัตรเครดิต

เอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล   
บัตรเครดิต กรุงศรี นาว แพลทินัม
อายุ 20 - 55 ปี
มีเบอร์โทรศัพท์มือถือ และที่ทำงานที่สามารถติดต่อได้
กรณีทำงานมีเงินเดือนประจำ : รายได้ประจำ 15,000 บาทต่อเดือน
กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือเจ้าของธุรกิจ มีเงินหมุนเวียนในธนาคารต่อเดือนขั้นต่ำ 300,000 บาทขึ้นไป
อายุ 20 - 65 ปีบริบูรณ์
มีเบอร์โทรศัพท์มือถือ และที่ทำงานที่สามารถติดต่อได้
กรณีทำงานมีเงินเดือนประจำ : รายได้ประจำ 15,000 บาทต่อเดือน
กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือเจ้าของธุรกิจ มีกระแสเงินหมุนเวียนบัญชีขาเข้าย้อนหลัง 6 เดือน นับจากเดือนปัจจุบัน ขั้นต่ำเดือนละ 300,000 บาทขึ้นไป
โปรโมชันสมัครบัตรเครดิต


สมัครเอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์คุณ เลือกรับของสมนาคุณสูงสุด 5,990 บาท รับเพิ่ม!! E-Coupon Lazada สูงสุด 1,000 บ.** เมื่อสมัครผ่านแอป UCHOOSE และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1,500 บาท*** ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน UCHOOSE มียอดใช้จ่ายสะสมผ่านวงเงินบัตรเครดิต และ / หรือ ผ่อนสินค้าตามเงื่อนไข* ภายใน 45 วันนับจากวันอนุมัติ (ไม่รวมการกดเงินสด) และสมัครบริการใบแจ้งยอดบัญชีออนไลน์ E-Statement (วันนี้ - 31 ส.ค. 66)
 
 
สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกใหม่บัตรเครดิต กรุงศรี นาว แพลทินัม ที่สมัครและได้รับการอนุมัติบัตร ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 66 - 30 ก.ย. 66 เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์เข้าร่วมแคมเปญผ่านแอป UCHOOSE (ค้นหาพิมพ์ "KC2" ในหน้าเมนูโปรโมชัน) และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตามเงื่อนไขกำหนด ภายใน 30 วันหลังจากบัตรได้รับอนุมัติ

บัตรเครดิตทั้ง 2 ใบที่เรามารีวิวกันวันนี้ แน่นอนว่า จะสามารถตอบโจทย์ New Gen ที่มีไลฟ์สไตล์อยู่บนโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ แต่จะสมัครใบไหนดี ก็ลองเลือกตามไลฟ์สไตล์การใช้งาน และสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจกันได้เลยนะคะ พกบัตรเครดิตใบเก่งติดกระเป๋า เบาใจทุกสถานการณ์แน่นอนค่ะ

หน้า: [1] 2 3 ... 34
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google