แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 51
1
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
บ้านติดรถไฟฟ้า วิลลาจจิโอ ศรีนครินทร์ (Villaggio Srinakarin)
เริ่มต้น 2.8 ลบ. - 8 ลบ.

วิลลาจจิโอ ศรีนครินทร์ (Villaggio Srinakarin)
เตรียมพบบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ Villaggio ศรีนครินทร์ Never Ending Deam Ville ความสุขไม่สิ้นสุด ในบรรยากาศเมืองแห่งความฝัน กำลังจะเกิดขึ้นจริง ที่ศรีนครินทร์ เร็วๆ นี้ เปิดตัวบ้านใหม่ พร้อมนวัตกรรมใหม่ล่าสุด

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              วิลลาจจิโอ ศรีนครินทร์ (Villaggio Srinakarin)
 เจ้าของโครงการ         แลนด์แอนด์เฮ้าส์
 แบรนด์ย่อย              วิลลาจจิโอ
 ราคา                     เริ่มต้น 2.8 ลบ. - 8 ลบ.

 ประเภทบ้าน              บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล             บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ            47 ไร่
 จำนวนบ้าน               346 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด         2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน                ตั้งแต่ 50 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย              ตั้งแต่ 137 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                 2 ชั้น
 หน้ากว้าง                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน            3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ            2 คัน
 สาธารณูปโภค            สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, สนามเด็กเล่น

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน         สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง         ซอยทรัพย์พัฒนา ตำบลบางเมือง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ 10270

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(แบริ่ง - บางปู)(ศรีนครินทร์)
ใกล้ทางด่วน (ทางด่วนกาญจนาภิเศก (วงแหวนใต้))

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สมุทรปราการ 5 กม.
ฟู๊ดแลนด์ ศรีนครินทร์ 8 กม.
โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล สมุทรปราการ 3.2 กม.
โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ 11 กม.
เทสโก้ โลตัส ศรีนครินทร์ 7 กม.
MEGA & Ikea บางนา 12 กม.
โรงเรียนประภามนตรี 4 กม.

4
Doctor At Home: จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age-related macular degeneration)

จุดภาพชัด (macula) เป็นจุดที่อยู่ตรงกลางของจอตา มีเซลล์ประสาทรับรู้แสงและสี (cones) จำนวนมาก ทำให้เห็นภาพตรงส่วนกลางของลายสายตา (central vision) ได้คมชัด ผู้สูงอายุบางคนอาจเกิดภาวะเสื่อมของจุดภาพชัดตามวัย ทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะส่วนกลางภาพ โดยที่ยังมองเห็นด้านข้างภาพได้เป็นปกติ เนื่องจากลานสายตาด้านข้าง (peripheral vision) ยังปกติดี

ภาวะดังกล่าวเรียกว่า “โรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” (“โรคจุดรับภาพชัดจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” “โรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ” “โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ” ก็เรียก)

โรคนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นในผู้สูงอายุ

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีความสัมพันธ์กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่

    กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติว่ามีพ่อแม่เป็นโรคจุดภาพชัดเสื่อมมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป
    ความเสื่อมตามวัย โรคนี้มักพบในคนอายุมากกว่า 50 ปี และพบได้มากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น
    การสูบบุหรี่ มีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้สูบประมาณ 2-3 เท่า
    ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และผู้ที่มีความอ้วน มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

    จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง (dry/atrophic macular degeneration) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้เป็นส่วนใหญ่ (พบได้ประมาณร้อยละ 85-90 ของผู้ป่วยโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมทั้งหมด) พบว่าเซลล์ประสาทที่บริเวณจุดภาพชัดที่จอตาค่อย ๆ เสื่อมสภาพและหายไป ทำให้จุดภาพชัดมีลักษณะบางตัวลง และมีอาการตามัวซึ่งเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
    จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก (wet/neovascular/exudative macular degeneration) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้เป็นส่วนน้อย พบว่ามีหลอดเลือดงอกใหม่ผิดปกติในผนังลูกตาชั้นกลาง หรือคอรอยด์ (choroidal neovascularization) ที่บริเวณใต้จุดภาพชัด ต่อมาเกิดการรั่วซึมของเลือดหรือสารน้ำออกจากหลอดเลือดเหล่านี้ที่เปราะและแตกง่าย ทำให้จุดภาพชัดบวมและเซลล์ประสาทจอตาเสื่อมสภาพ หากปล่อยไว้อาจทำให้จุดรับภาพชัดเสื่อมอย่างถาวรและกลายเป็นแผลเป็น ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็น ผู้ป่วยที่เป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกอาจเกิดขึ้นมาเองได้ทันที (เนื่องจากมีเลือดออกไปคั่งที่จุดภาพชัด) หรืออาจเกิดต่อเนื่องจากโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้งที่มีมาก่อน อาการตามัวในผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจเกิดขึ้นแบบฉับพลันและมีความรุนแรงในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้

อาการ

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง มักมีอาการตามัว คือ มองเห็นไม่ชัดหรือพร่ามัวเฉพาะช่วงตรงกลางภาพ ซึ่งค่อย ๆ เกิดมากขึ้นอย่างช้า ๆ โดยไม่มีอาการปวดตา เช่น ผู้ป่วยอาจสังเกตว่า เวลาอ่านหนังสือหรือทำงานที่ประณีต หรือต้องมองใกล้ ๆ จำเป็นต้องอาศัยแสงที่สว่างมากขึ้น มองเห็นภาพบิดเบี้ยว (เช่น มองเห็นเส้นตรงเป็นคลื่น หรือเป็นเส้นคด มองเห็นป้ายสัญญาณจราจรผิดเพี้ยนไป) อ่านตัวหนังสือได้ไม่ชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาไม่ดีเมื่ออยู่ในที่สลัว มองเห็นสีได้ไม่ชัดเจน (สีจางหรือมืดมัวกว่าปกติ ต้องอาศัยแสงสว่างที่มากกว่าปกติจึงจะมองเห็นสีได้ชัดขึ้น) จำหน้าคนรู้จักไม่ได้ เมื่อสายตาพร่ามัวหนักขึ้น ช่วงตรงกลางภาพที่มองเห็น (ตรงกลางของลานสายตา) มีลักษณะพร่ามัวหรือมีจุดบอด (เห็นเป็นสีดำหรือสีเทา) แต่ยังสามารถมองเห็นส่วนด้านข้างของภาพได้เป็นปกติ

สำหรับผู้ป่วยที่เป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้งระยะแรกเริ่ม ซึ่งบริเวณที่เสื่อมมีขนาดเล็กและตาอีกข้างเป็นปกติ เมื่อมองด้วยตา 2 ข้างพร้อมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ทันสังเกต หรือไม่รู้สึกว่าผิดปกติ จนกว่าบริเวณที่เสื่อมมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเป็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยจึงจะสังเกตเห็นความผิดปกติได้ชัดเจน

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก มีอาการแบบเดียวกับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้งดังกล่าวข้างต้น แต่มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และมีอาการรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยมักสังเกตเห็นอาการผิดปกติได้ง่ายกว่าจุดภาพชัดเสื่อมชนิดแห้ง โดยช่วงตรงกลางภาพที่มองเห็นมีลักษณะพร่ามัวหรือเป็นจุดบอด (สีดำหรือเทา) ซึ่งมีขนาดใหญ่ จนสูญเสียการมองเห็นช่วงตรงกลางภาพเกือบทั้งหมด แต่ไม่ถึงกับตาบอดสนิท เนื่องจากผู้ป่วยยังสามารถมองเห็นส่วนด้านข้างของภาพได้เป็นปกติ

ภาวะแทรกซ้อน

สำหรับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา สายตาจะค่อย ๆ แย่ลงจนสูญเสียการมองเห็นช่วงตรงกลางของภาพ และพบว่ามีราวร้อยละ 10 ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะกลายเป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกแทรกซ้อนตามมา

สำหรับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก มักมีอาการรุนแรงกว่าชนิดแห้ง ผู้ป่วยอาจสูญเสียการมองเห็นตรงส่วนกลางของภาพภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ และเป็นไปอย่างถาวร

แม้ว่าจะยังมองเห็นส่วนด้านข้างของภาพ แต่ผู้ป่วยก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เช่น จำหน้าคนไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ได้ ดูเวลาที่หน้าปัดนาฬิกาไม่ได้ ขับรถไม่ได้ เป็นต้น อาจทำให้สูญเสียคุณภาพชีวิต และเกิดภาวะวิตกกังวลหรือโรคซึมเศร้าตามมา นอกจากนี้ยังอาจทำให้หกล้ม กระดูกหักหรือศีรษะได้รับบาดเจ็บได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย โดยแพทย์จะทำการตรวจวัดสายตาซึ่งมักพบว่าผิดปกติ และตรวจกรองโรคนี้ด้วยแผ่นภาพแอมสเลอร์ (Amsler’s chart) ซึ่งจะมองเห็นภาพเส้นตรงเป็นเส้นที่บิดเบี้ยว

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการใช้เครื่องส่องตรวจตา (ophthalmoscopy) ตรวจดูความผิดปกติของจอตา และทำการตรวจด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การถ่ายภาพจอตา (fundus photography) การถ่ายภาพจอตาด้วยการฉีดสี เพื่อดูการไหลเวียนและรอยรั่วของหลอดเลือดผิดปกติในจอตา โดยวิธี Fundus fluorescein and indocyanine green angiography การสแกนจอตาเพื่อดูความผิดปกติของเนื้อเยื่อจอตาโดยใช้แสงเลเซอร์ถ่ายภาพตามขวาง (optical coherence tomography/OCT) การสแกนโครงสร้างหลอดเลือดที่จอตาโดยวิธี optical coherence tomography angiography (OCTA) เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง แพทย์จะให้สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี  สังกะสี ทองแดง ลูทีน (lutein) ซีแซนทิน (zeaxanthin) เป็นต้น เพื่อชะลอไม่ให้อาการลุกลามมากขึ้น และป้องกันไม่ให้สูญเสียการมองเห็น

จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียก แพทย์จะให้ยายับยั้งการเจริญของหลอดเลือดใหม่ (เช่น Bevacizumab, Brolucizumab, Faricimab, Ranibizumab) ซึ่งเป็นสารต้าน VEGF (anti-VEGF/anti- vascular endothelial growth factor) โดยการฉีดเข้าไปในน้ำวุ้นตา

นอกจากนี้ แพทย์อาจให้การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งมีอยู่หลายวิธี (เช่น Photodynamic therapy, Laser photocoagulation) เพื่อทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติไม่ให้อาการลุกลามมากขึ้น

ผลการรักษา ขึ้นกับชนิด ตำแหน่ง และความรุนแรงของโรค ถ้าเป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกที่เริ่มเป็นระยะแรก (พบว่าเริ่มมีหลอดเลือดผิดปกติในผนังลูกตาชั้นกลาง) ก็มักจะได้ผลดี แต่ถ้าเซลล์ประสาทบริเวณจุดภาพชัดเสื่อมทั้งหมดแล้ว ก็ยากที่จะแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ทำให้สายตาพิการรุนแรง คือมองไม่เห็นช่วงตรงกลางภาพ

สำหรับจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดแห้ง มักมีอาการสายตาผิดปกติแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ บางรายอาจมีอาการมองเห็นช่วงตรงกลางของภาพไม่ชัดเพียงเล็กน้อย แต่บางรายอาจเป็นรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่กลายป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมชนิดเปียกตามมา

ในรายที่สายตาพิการมาก อาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แว่นขยาย แว่นตาอ่านหนังสือ เลนส์สำหรับส่องทางไกล (telescopic lenses) เป็นต้น

การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าเป็นจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ ควรรักษา ปฏิบัติตัว และติดตามการรักษาตามที่แพทย์แนะนำ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวเพื่อชะลอความรุนแรงของโรค (ดูหัวข้อ “การป้องกัน”)

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าดูแลรักษาแล้วอาการเป็นมากขึ้น หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

ถึงแม้สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด และอาจสัมพันธ์กับปัจจัยหลายอย่าง (เช่น อายุมาก กรรมพันธุ์) ที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอความรุนแรงของโรค

    ไม่สูบบุหรี่
    ออกกำลังกายเป็นประจำ
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ผักและผลไม้ เมล็ดธัญพืชให้มาก ๆ และกินปลาเป็นประจำ
    ถ้าเป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ควรรักษาอย่างจริงจังจนสามารถควบคุมโรคเหล่านี้ได้ดี

ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือผู้ที่มีความเสี่ยง (เช่น ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด รูปร่างอ้วน มีประวัติสูบบุหรี่ มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว) หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตาเป็นประจำ หากพบว่าเป็นโรคนี้ และได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ก็สามารถลดความรุนแรงของโรคและป้องกันไม่ให้สายตาพิการหรือสูญเสียการมองเห็นได้

5
ไอเดียธุรกิจอาหารสร้างกำไร สร้างรายได้ เปลี่ยนความหลงใหลของคุณให้กลายเป็นรายได้

อาหารไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะชอบทำอาหาร อบขนมหรือเพียงแค่ชื่นชอบอุตสาหกรรมอาหาร ก็มีหลายวิธีที่จะเปลี่ยนความหลงใหลของคุณให้กลายเป็นกำไรได้ อาหารสามารถสร้างรายได้ได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความถนัด ความสนใจ และเงินทุนที่มีต่อไปนี้คือแนวคิดทางธุรกิจด้านอาหารบางส่วนที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดได้

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วน

1. บริการส่งอาหารแบบโฮมเมด
ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ หลายๆ คนจึงชอบทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ปรุงเองที่บ้าน แต่ไม่มีเวลาทำอาหารเอง คุณสามารถเริ่มต้นบริการส่งอาหารที่บ้าน โดยเสนอตัวเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น คีโต มังสวิรัติ หรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

เคล็ดลับ:
เน้นใช้วัตถุดิบสดคุณภาพสูง
นำเสนอแผนการรับประทานอาหารที่ปรับแต่งได้สำหรับความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกัน
ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการตลาดและสั่งซื้อออนไลน์

2. การอบเค้กและการทำเค้กตามสั่ง
เบเกอรี่ เช่น คุกกี้ คัพเค้ก และเค้กสั่งทำ เป็นที่ต้องการเสมอสำหรับงานวันเกิด งานแต่งงาน และงานเฉลิมฉลอง หากคุณมีทักษะในการอบขนม นี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างรายได้

เคล็ดลับ:
เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบตามโอกาสพิเศษ
นำเสนอทางเลือกที่ปราศจากกลูเตนหรือปราศจากน้ำตาลเพื่อดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ
ขายออนไลน์หรือผ่านตลาดท้องถิ่น

3. ธุรกิจขายอาหารริมทางหรือรถเข็นขายอาหาร
อาหารริมทางเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณขายสินค้าที่มีเอกลักษณ์หรือกำลังได้รับความนิยม เช่น ชาไข่มุก ฮอทดอกรสเลิศ หรืออาหารฟิวชัน รถเข็นขายอาหารต้องใช้เงินลงทุนน้อยกว่าร้านอาหารเต็มรูปแบบ

เคล็ดลับ:
เลือกทำเลที่มีการจราจรสูง
รักษาเมนูให้เรียบง่ายแต่แสนอร่อย
ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยอาหาร

4. ของว่างทำเองและอาหารบรรจุหีบห่อ
การขายอาหารว่างบรรจุหีบห่อ เช่น บาร์กราโนล่า ผลไม้แห้ง หรือถั่วปรุงรส ถือเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้นธุรกิจอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน

เคล็ดลับ:
ใช้บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขายผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต, แพลตฟอร์มออนไลน์หรือร้านค้าท้องถิ่น
นำเสนอรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

5. บริการจัดเลี้ยง
หากคุณชอบทำอาหารให้คนจำนวนมาก การเริ่มต้นธุรกิจจัดเลี้ยงอาจสร้างผลกำไรได้สูง ให้บริการสำหรับงานแต่งงาน งานกิจกรรมขององค์กร หรือปาร์ตี้ส่วนตัว

เคล็ดลับ:
มีเมนูให้เลือกหลากหลาย
เน้นการนำเสนอและรสชาติที่ยอดเยี่ยม
สร้างชื่อเสียงที่แข็งแกร่งผ่านบทวิจารณ์และการบอกเล่าแบบปากต่อปาก

6. ผลิตภัณฑ์อาหารพิเศษ
ผลิตภัณฑ์อาหารที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ซอสโฮมเมด แยม น้ำผึ้งออร์แกนิก หรืออาหารหมักดอง สามารถดึงดูดตลาดเฉพาะกลุ่มได้ สินค้าเหล่านี้สามารถขายได้ทางออนไลน์หรือในร้านค้าเฉพาะ

เคล็ดลับ:
พัฒนาผลิตภัณฑ์เอกลักษณ์ที่มีสูตรเฉพาะตัว
รับการรับรองอาหารที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพ
ใช้การสร้างแบรนด์และการเล่าเรื่องเพื่อดึงดูดลูกค้า

7. คลาสเรียนทำอาหารออนไลน์หรือ E-book
หากคุณเก่งในการทำอาหาร คุณสามารถสอนผู้อื่นได้ผ่านชั้นเรียนออนไลน์ หรือขายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีสูตรอาหารและเคล็ดลับการทำอาหาร

เคล็ดลับ:
ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น YouTube หรือ Instagram เพื่อสร้างผู้ชม
เสนอชั้นเรียนสดหรือหลักสูตรที่บันทึกไว้ล่วงหน้า
จัดให้มีหนังสือสูตรอาหารให้ดาวน์โหลดเพื่อเป็นรายได้เสริม

การเริ่มต้นธุรกิจอาหารสามารถให้ผลตอบแทนและผลกำไรได้ หากคุณเลือกช่องทางที่เหมาะสมและทำการตลาดได้ดี ไม่ว่าจะขายอาหารทำเอง เบเกอรี่ หรือคลาสเรียนทำอาหารออนไลน์ ความสำเร็จมาจากคุณภาพ ความสม่ำเสมอ และการตลาดที่ดี

คุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับแนวคิดธุรกิจอาหารโดยเฉพาะหรือไม่? แจ้งให้เราทราบได้เลย

6
พ่อแม่จะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกสมควรจัดฟันเด็ก ?

การดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันของเด็กมีความสำคัญมาก พ่อแม่ควรดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากในช่วงเด็กในเรื่องของสุขภาพฟันถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะฟันจะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต ดังนั้น การดูแลฟันตั้งแต่อายุยังน้อยจึงเป็นเรื่องที่จะต้องใส่ใจให้มาก ดังนั้น ทางทันตกรรมจึงมีนวัตกรรมใหม่ที่สามารถให้เด็กได้รับเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย การให้การรักษาทางทันตกรรมจัดฟันนั้นมีหลายช่วงอายุ ซึ่งทันตแพทย์ ต้องพิจารณาตามความผิดปกติและพัฒนาการของกะโหลกศีรษะและใบหน้าร่วมด้วย เพราะเด็กบางคนมีปัญหาในเรื่องของโครงสร้างใบหน้าด้วย


โดยมีแนวทางพิจารณาก็คือ ถ้าหากเด็กมีความผิดปกติของความสัมพันธ์ของกระดูกขากรรไกรบนและล่าง ก็ควรจะเริ่มการบำบัดรักษาตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อป้องกันมิให้ปัญหาลุกลามได้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการจัดฟันเพื่อแก้บางปัญหาสามารถทำได้ตั้งแต่ในเด็ก ไม่ต้องรอฟันน้ำนมหลุดหมดก่อนหรือรอจนฟันแท้ขึ้นครบ การรักษาตั้งแต่เริ่มแรกอาจจะทำให้ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า แล้วยังไม่ยุ่งยาก ลดค่าใช้จ่าย และได้ผลการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพด้วย เพื่อให้เด็กได้รู้จักและทำความเข้าให้สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ตระหนัก เอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากขึ้น

เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะคอยสังเกตอาการผิดปกติในเรื่องของฟันของเด็กให้มาก เพราะการที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้พัฒนาการเด็กดีขึ้นตามไปด้วย ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตอาการผิดปกติของฟันของลูกและหากพบความผิดปกติก็ควรจะพาลูกเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน แต่พ่อแม่ผู้ปกครองจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกควรที่จะเข้ารับการจัดฟัน

วันนี้ทางคลินิกมีข้อแนะนำเกี่ยวกับการสังเกตอาการผิดปกติของฟันของเด็กที่ควรที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก อย่างแรกเลยพ่อแม่ควรที่จะสังเกตว่า ลูกมีฟันเกฟันซ้อนหรือไม่ ซึงฟันเก ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกว่าลูกต้องการใช้เครื่องมือจัดฟันคือฟันที่งอกทับซ้อนกัน และอาการฟันล่างครอบฟันบนกับฟันเหยิน รวมถึงฟันที่ขึ้นมาอย่างคดงอและขึ้นมาแบบเบียดกันจนแออัดเกินไป ดังนั้น เครื่องมือจัดฟันสำหรับเด็กสามารถช่วยจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาการสบฟันของเด็ก ต่อมาคือ ภาวะฟันน้ำนมที่หลุดเร็วเกินไป เพราะการสูญเสียฟันน้ำนมในช่วงแรกอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือจากการบาดเจ็บหรือความเจ็บป่วย เมื่อฟันแท้ไม่พร้อมที่จะขึ้นมาเติมเต็มช่องว่าง ฟันจึงเคลื่อนที่เพื่อเติมเต็มช่องว่างด้วยตนเอง ทันตแพทย์จะต้องใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อป้องกันฟันแท้ของพวกเขาไม่ให้ขึ้นมาแบบคดงอหรือขึ้นมาแบบทับซ้อนกัน เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และข้อสุดท้ายที่พ่อแม่ควรที่คอยสังเกตให้ดีก็คือ พฤติกรรมที่ผิดปกติในวัยเด็ก ก็คือพฤติกรรมดูดนิ้ว หากเด็กยังไม่ถึงอายุก่อนวัยเรียน ก็อาจจะยังเป็นที่ยอมรับได้ที่เด็กจะยังคงดูดนิ้วหัวแม่มืออยู่ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเด็กมีอายุมากกว่า 4 หรือ 5 ปี แต่ยังมีพฤติกรรมติดดูดนิ้วอยู่ พ่อแม่อาจต้องพาลูกไปพบทันตแพทย์ทันที เพราะการที่เด็กดูดนิ้ว เป็นระยะเวลายาวสามารถผลักฟันออกจากแนว และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของกระดูกขากรรไกรของเด็ก เครื่องมือจัดฟันสามารถช่วยดึงฟันกลับเข้าที่ได้นั่นเอง

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก รวมถึงมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมในเด็ก และยังสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

7
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


8
ปล่อยรถไมล์น้อย Mercedes-Benz EQE 350 4Matic SUV AMG Line ปี 2023

Mercedes-Benz EQE 350 4MATIC SUV AMG Line ปี 2023 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า SUV หรูหรา โดยเป็นรุ่นนำเข้า (CBU) จากเยอรมนีในตอนเปิดตัวปี 2023

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 12 มิ.ย. - 30 มิ.ย. 2568
รถไฟฟ้า วิ่งไกล 558 กม.
ส่วนลด 1,310,000 บาท
วารันตี เริ่ม 28/12/2023 – 27/12/2026

ราคาพิเศษ 3,990,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

สมรรถนะ:

มอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (Dual Permanently Excited Synchronous Motor - PSM)
ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ (4MATIC All-Wheel Drive)
พละกำลังสูงสุด: 215 kW หรือประมาณ 292 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 765 นิวตันเมตร (Nm)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 6.6 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 210 กม./ชม.

แบตเตอรี่และระยะทางวิ่ง:

ความจุแบตเตอรี่ (usable): 89 kWh หรือ 90.6 kWh (ตามข้อมูลจากหลายแหล่ง)
ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ (WLTP): ประมาณ 558 กิโลเมตร
การชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging): รองรับสูงสุด 11 kW (ชาร์จจาก 10-100% ประมาณ 9 ชั่วโมง 30 นาที ถึง 11.5 ชั่วโมง)
การชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC Fast Charging): รองรับสูงสุดประมาณ 170-173 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในประมาณ 32-33 นาที



9
สินค้า บริการอื่น ๆ / ทาวน์โฮม Demi สาธุ 49 (Demi sathu 49)
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2025, 21:48:45 pm »
ทาวน์โฮม Demi สาธุ 49 (Demi sathu 49)
เริ่มต้น 18.9 ลบ. - 37 ลบ.

Demi สาธุ 49 (Demi sathu 49)
พบกับทาวน์โฮมใหม่ จากแสนสิริ ถูกดีไซน์ภายใต้แนวคิด “ชีวิตสมดุล” ระหว่าง “ชีวิตเมือง” และ “ความสงบผ่อนคลาย” บนทำเลใจกลาง “สาธุประดิษฐ์ 49” เชื่อมต่อสู่ CBD สาทร-สุขุมวิท โครงการรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำ

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              Demi สาธุ 49 (Demi sathu 49)
 เจ้าของโครงการ         แสนสิริ
 ราคา                      เริ่มต้น 18.9 ลบ. - 37 ลบ.

 ประเภทบ้าน             ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล           บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ          10 ไร่ 2 งาน 34 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน              72 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด        1 แบบ
  เนื้อที่บ้าน               ตั้งแต่ 23 ถึง 49 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย             ตั้งแต่ 212 ถึง 300 ตร.ม.
 จำนวนชั้น               3.5 ชั้น
 หน้ากว้าง                โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนที่จอดรถ         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค          สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (แปลงผักสวนครัว (Sansiri Backyard), พื้นที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ)

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน      สาทร, พระราม 3, พระราม 4, ยานนาวา
 ที่ตั้ง     ซ.สาธุประดิษฐ์ 49 แขวง บางโพงพาง เขต ยานนาวา กรุงเทพมหานคร

 ขนส่งสาธารณะ           ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเทา, สถานี(วัชรพล - ท่าพระ)(ไม่ระบุ)
 สถานที่สำคัญใกล้เคียง  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

10
สินค้า บริการอื่น ๆ / หมอออนไลน์: หืด (Asthma)
« เมื่อ: 26 มิถุนายน 2025, 18:37:46 pm »
หมอออนไลน์: หืด (Asthma)

หืด เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังชนิดหนึ่ง  ซึ่งมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นเนื่องจากหลอดลมตีบเป็นครั้งคราว  ทำให้มีอาการหายใจหอบเหนื่อย เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง  ส่วนมากมักจะไม่มีอันตรายร้ายแรง  ยกเว้นในรายที่เป็นมากหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  ก็อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร  หรือมีอันตรายถึงตายได้

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัย  มีความชุกสูงสุดในช่วงอายุ 10-12 ปี  ส่วนใหญ่มักมีอาการเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่อายุก่อน 5 ปี  ส่วนน้อยที่เกิดขึ้นครั้งแรกในวัยหนุ่มสาวและวัยสูงอายุ

ในบ้านเราเคยมีการสำรวจนักเรียนในกรุงเทพฯ  พบว่ามีความชุกของโรคนี้ประมาณร้อยละ 4-13

ในวัยเด็ก (ก่อนวัยหนุ่มสาว) พบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงประมาณ 1.5-2 เท่า

ทั่วโลกพบว่าโรคนี้มีแนวโน้มเกิดมากขึ้นในทุกประเทศ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองที่มีสิ่งแวดล้อม (ได้แก่ มลพิษและสารก่อภูมิแพ้) และวิถีชีวิตที่ส่งเสริมให้เกิดโรคนี้

สาเหตุ

เกิดจากปัจจัยร่วมกันหลายประการ ทั้งทางด้านกรรมพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การติดเชื้อ และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้หลอดลมมีความไวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ มากกว่าคนปกติ เป็นเหตุให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม การบวมของเนื้อเยื่อผนังหลอดลม และการหลั่งเมือก (เสมหะ) มากในหลอดลม มีผลโดยรวมทำให้หลอดลมตีบแคบลง เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นชนิดผันกลับได้ (revesible) ซึ่งสามารถกลับคืนเป็นปกติได้เอง หรือภายหลังให้ยารักษา

บางรายอาจมีการอักเสบของหลอดลมอย่างต่อเนื่องนานเป็นแรมปี  หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง  โครงสร้างของหลอดลมจะค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง  จนในที่สุดมีความผิดปกติ (airway remodeling) ชนิดไม่ผันกลับ (irreversible) ทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร

ผู้ป่วยมักมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้อื่น ๆ (เช่น หวัด ภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้) ร่วมด้วย และมักมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายหรือญาติพี่น้องเป็นหืดหรือโรคภูมิแพ้อื่น ๆ

นอกจากนี้ยังพบปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น ได้แก่ ภาวะน้ำหนักเกิน (ทำให้มีอาการกำเริบบ่อย และรุนแรงได้) ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือน้ำหนักแรกเกิดน้อย ทารกที่มีมารดาสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ การติดเชื้อไวรัสตั้งแต่เล็ก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสอาร์เอสวี (ดู "โรคหลอดลมฝอยอักเสบ" เพิ่มเติม) การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ (ได้แก่ ไรฝุ่นบ้าน) ปริมาณมากตั้งแต่ในช่วงขวบปีแรก

กลไกการตีบแคบของหลอดลมในโรคหืด

สาเหตุกระตุ้น 

ผู้ป่วยมักมีอาการกำเริบเมื่อมีสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้น  ที่พบบ่อยได้แก่

    สารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองหญ้า วัชพืช  ละอองเกสรดอกไม้  ไรฝุ่นบ้าน (พบอยู่ตามพรม ที่นอน เฟอร์นิเจอร์หรือของเล่นที่ทำด้วยนุ่น หรือเป็นขน ๆ) เชื้อรา (พบสปอร์ตามพุ่มไม้  ในสวน ห้องน้ำ ห้องครัว ในที่ชื้น) แมลงสาบและสัตว์เลี้ยงในบ้าน (สารก่อภูมิแพ้อยู่ในน้ำลาย ขุยหนังที่ลอกหรือรังแค ขนสัตว์ ปัสสาวะ และมูลสัตว์) อาหาร (ได้แก่ นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ไข่ กุ้ง หอย ปู ปลา ถั่วลิสง งา สีผสมอาหาร สารกันบูดในอาหาร)
    สิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสีย ควันไฟ ควันธูป ฝุ่นละออง มลพิษในอากาศ (ก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ของรถยนต์ ก๊าซโอโซนที่พบมากในเมืองใหญ่) สเปรย์ ยาฆ่าแมลงหรือวัชพืช อากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยน กลิ่นฉุด ๆ สารเคมี (ภายในบ้าน ที่ทำงาน และโรงงาน)
    ยา ได้แก่ แอสไพริน  ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์  ยาลดความดันกลุ่มปิดกั้นบีตา 
    การติดเชื้อของทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ เป็นต้น
    การออกกำลังกาย อาจชักนำให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกกำลังจนเหนื่อยหรือหักโหมเกินไป
    ความเครียดทางจิตใจ เช่น ความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ การงาน ครอบครัว รวมทั้งอารมณ์ซึมเศร้า  ความเศร้าโศกจากการสูญเสียคนที่รัก  เป็นต้น
    ฮอร์โมนเพศ  พบว่าผู้หญิงระยะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ (puberty) ระยะก่อนมีประจำเดือน  หรือขณะตั้งครรภ์ มักมีโรคหืดกำเริบ  (ในช่วงสัปดาห์ที่ 24-36 ของการตั้งครรภ์)
    โรคกรดไหลย้อน น้ำย่อยหรือกรดที่ไหลย้อนลงไปในหลอดลมอาจทำให้โรคหืดกำเริบได้บ่อย

อาการ

มักมีอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือหอบเหนื่อยร่วมกับมีเสียงดังวี้ดคล้ายเสียงนกหวีด (ระยะแรกจะได้ยินช่วงหายใจออก ถ้าเป็นมากขึ้นจะได้ยินทั้งช่วงหายใจเข้าและออก) อาจมีอาการไอ ซึ่งมักมีเสมหะใสร่วมด้วย

บางรายอาจมีเพียงอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือไอเป็นหลักโดยไม่มีอาการอื่น ๆ ชัดเจนก็ได้ อาการไอดูคล้ายไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ หรือหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกเริ่มของโรคนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการไอมากตอนกลางคืนหรือเช้ามืด ในช่วงอากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยน หรือวิ่งเล่นมาก ๆ เด็กเล็กอาจไอมากจนอาเจียนออกมาเป็นเสมหะเหนียว ๆ และรู้สึกสบายหลังอาเจียน

ผู้ป่วยอาจมีอาการภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก คันคอ เป็นหวัด จาม หรือผื่นคันร่วมด้วย หรือเคยมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน

ในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง มักจะมีอาการเป็นครั้งคราว และมักกำเริบทันทีเมื่อมีสาเหตุกระตุ้น ผู้ป่วยที่มีอาการหายใจลำบากจะลุกขึ้นนั่งฟุบกับโต๊ะหรือพนักเก้าอี้และหอบตัวโยน

ในรายที่เป็นรุนแรงมักมีอาการต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนกว่าจะได้ยารักษา จึงจะรู้สึกหายใจโล่งสบายขึ้น

ในช่วงที่ไม่มีอาการกำเริบ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายเช่นคนปกติทั่วไป

ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคหืดรุนแรง เช่น เคยหอบรุนแรงจนต้องไปรักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลบ่อย เคยต้องใส่ท่อหายใจช่วยชีวิต ต้องใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดกินหรือฉีด หรือต้องใช้ยากระตุ้นบีตา 2 ชนิดออกฤทธิ์สั้น สูดมากกว่า 1-2 หลอด/เดือน ถ้าขาดการรักษาหรือได้รับยาไม่เพียงพอในการควบคุมอาการ  อาจมีอาการหอบอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ๆ ถึงวัน ๆ แม้จะใช้ยารักษาตามปกติที่เคยใช้ ก็ไม่ได้ผล  เรียกว่า ภาวะหืดดื้อ หรือ หืดต่อเนื่อง  (status asthmaticus) ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและมีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดภาวะเลือดเป็นกรด มีอาการสับสน หมดสติ ในที่สุดหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้น เสียชีวิตในเวลารวดเร็ว

อาการที่เข้าข่ายเป็นโรคหืด

ควรสงสัยว่าเป็นโรคหืด  ถ้าผู้ป่วยมีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเสียงหายใจดังวี้ดคล้ายเสียงนกหวีดบ่อยครั้ง คือ มากกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
    มีอาการไอ รู้สึกเหนื่อยง่าย หรือมีเสียงหายใจดังวี้ดขณะวิ่งเล่น  หรือออกกำลังกาย
    ไอตอนกลางคืน โดยที่ไม่ได้เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
    มีอาการต่อเนื่องหลังอายุ 3 ปี
    อาการกำเริบหรือเป็นมากขึ้น เมื่อมีสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้น เช่น ละอองเกสร  ขนสัตว์ สเปรย์ บุหรี่ ไรฝุ่นบ้าน ยา การติดเชื้อทางเดินหายใจ ออกกำลังกาย ความเครียด
    เวลาเป็นไข้หวัดมีอาการต่อเนื่องนานเกิน 10 วัน หรือมีอาการไอรุนแรง หรือไอนานกว่าคนอื่นที่เป็นไข้หวัด
    อาการดีขึ้นเมื่อใช้ยารักษาโรคหืด
    มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคหืดหรือโรคภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น หวัดภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้

ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบได้ค่อยข้างบ่อย ได้แก่ ภาวะหมดแรง (exhaustion) ภาวะขาดน้ำ ปอดแฟบ (atelectasis) การติดเชื้อ (หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ)

ที่ร้ายแรง คือ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งพบในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น ภาวะปอดทะลุ, ภาวะมีอากาศในประจันอกและใต้หนัง (mediastinal and subcutaneous emphysema), ภาวะหัวใจล้มเหลวดังที่เรียกว่า โรคหัวใจเหตุจากปอด (cor pulmonale), เป็นลมจากการไอ (tussive syncope), ภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง 

ในหญิงตั้งครรภ์ ถ้าเป็นโรคหืดที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย ทารกตายระยะใกล้คลอดและหลังคลอด

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

การตรวจร่างกายขณะที่ไม่มีอาการ มักจะไม่พบสิ่งผิดปกติ

ขณะที่มีอาการหอบ มักได้ยินเสียงหายใจดังวี้ด ๆ ใช้เครื่องฟังตรวจปอดจะได้ยินเสียงหายใจออกยาวกว่าปกติและมีเสียงวี้ด (wheezing) กระจายทั่วไปที่ปอดทั้ง 2 ข้างในช่วงหายใจออก (ถ้าหอบมากจะได้ยินเสียงวี้ดทั้งในช่วงหายใจเข้าและออก) ชีพจรเต้นเร็ว มักไม่มีไข้ ถ้ามีไข้แสดงว่าอาจมีโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด หลอดลมอักเสบร่วมด้วย หรืออาจมีปอดอักเสบแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาการหอบรุนแรง ซี่โครงบุ๋ม แอ่งไหปลาร้าบุ๋ม ตัวเขียว สับสน หมดสติ ใช้เครื่องฟังปอดอาจไม่ได้ยินเสียงวี้ด เนื่องจากมีภาวะอุดกั้นรุนแรงจนลมหายใจผ่านเข้าออกน้อย

ในรายที่เป็นโรคหืดเรื้อรังมานานอาจพบหน้าอกมีความหนา (ความยาวจากด้านหน้าถึงด้านหลัง) กว่าปกติที่เรียกว่า อกโอ่ง บางรายอาจพบหน้าอกโป่งเหมือนอกไก่

ในการประเมินความรุนแรงของโรค แพทย์จะทำการทดสอบสมรรถภาพของปอด (ดูค่า FEV1 และ PEF)*

กรณีที่ยังวินิจฉัยไม่ได้ชัดเจน แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การสูดสาร methacholine กระตุ้นให้หลอดลมตีบ (methacholine challenge), การกระตุ้นให้อาการกำเริบด้วยการออกกำลังกาย หรือการสูดอากาศเย็น (provocative testing for exercise and cold-induced asthma), การทดสอบภาวะภูมิแพ้ (allergy testing) โดยการตรวจเลือดหรือทดสอบผิวหนัง การตรวจหาปริมาณอีโอซิโนฟิล (eosinophil ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง) ในเสมหะ, เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

* FEV1 (forced expiratory in one second) หมายถึง ปริมาตรอากาศที่หายใจออกแรง ๆ ใน 1 วินาที โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดปริมาตรอากาศหายใจ (spirometer)

PEF (peak expiratory flow) หมายถึง อัตราการไหลของลมหายใจออกสูงสุด หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มที่ โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. เมื่อมีอาการหอบหืดกำเริบฉับพลัน ให้ยาขยายหลอดลมชนิดสูด (เช่น ยากระตุ้นบีตา 2) ทันที เพื่อบรรเทาอาการ ถ้ายังไม่ทุเลา สามารถให้ซ้ำได้อีก 1-2 ครั้งทุก 20 นาที

หากผู้ป่วยรู้สึกหายดี แพทย์จะทำการประเมินอาการ สาเหตุกระตุ้น และประวัติการรักษาอย่างละเอียด

2. ในกรณีที่มีประวัติเป็นโรคหืดและมียารักษาอยู่ประจำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการตอนกลางวันไม่เกิน 2 ครั้ง/สัปดาห์ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ  และไม่มีอาการตอนกลางคืน  ก็ให้การรักษาแบบกลุ่มที่ควบคุมโรคได้ (ดูตาราง "การแบ่งระดับของการควบคุมโรค") โดยให้ใช้ยาที่เคยใช้อยู่เดิมต่อไป

3. ในกรณีที่ผู้ป่วยเพิ่งมีอาการครั้งแรกและไม่เคยได้รับยารักษามาก่อน แพทย์จะให้ยารักษา (ส่วนใหญ่ใช้ยาชนิดสูดพ่นเป็นพื้นฐาน บางรายอาจให้ยาชนิดกินร่วมด้วย) ด้วยชนิดและขนาดมากน้อยตามระดับความรุนแรงของโรค นอกจากนี้แพทย์จะทำการตรวจสมรรถภาพของปอด  ให้สุขศึกษาและคำแนะนำในการปฏิบัติตัวต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง และการหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้น

4. แพทย์จะติดตามผู้ป่วยทุก 1-3 เดือน เพื่อประเมินอาการและปรับเปลี่ยนการรักษาที่เหมาะสมตามอาการในแต่ละช่วง

5. แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ถ้าผู้ป่วยมีอาการกำเริบและมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    ไม่ตอบสนองต่อการรักษาข้างต้นภายใน 1-2 ชั่วโมง มีอาการหอบต่อเนื่องมานานหลายชั่วโมง หรือมีภาวะขาดน้ำร่วมด้วย
    มีอาการหอบรุนแรง ซี่โครงบุ๋ม ปากเขียว มีอาการสับสน ซึม หรือพูดไม่เป็นประโยค
    มีประวัติเคยเป็นโรคหืดรุนแรง เคยรับการรักษาในห้องอภิบาลผู้ป่วย (ไอซียู) เนื่องจากโรคหืดมาก่อน กำลังกินหรือเพิ่งหยุดกินยาสเตียรอยด์ หรือใช้ยาบีตา 2 ออกฤทธิ์สั้นสูดบ่อยกว่าทุก 3-4 ชั่วโมง
    มีอาการหอบเหนื่อยที่สงสัยว่าเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ เช่น เช่น มีไข้และใช้เครื่องฟังตรวจปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) หรือสงสัยว่าเป็นปอดอักเสบ หรือหลอดลมฝอยอักเสบ, มีอาการเท้าบวม หลอดเลือดคอโป่ง ความดันโลหิตสูง หรือสงสัยมีภาวะหัวใจวาย, มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง มีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือสงสัยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นต้น ในกรณีนี้ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ปอด ตรวจสมรรถภาพของปอด ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ ตรวจคลื่นหัวใจ เป็นต้น

6. ในรายที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคหืดกำเริบรุนแรง หรือภาวะหืดต่อเนื่อง มีแนวทางในการรักษาดังนี้

    ให้ออกซิเจน และสารน้ำ (น้ำเกลือ)
    ให้ยาขยายหลอดลม ออกฤทธิ์สั้น ชนิดสูด
    ให้สเตียรอยด์ชนิดสูดในขนาดสูงกว่าเดิม
    ในรายที่มีอาการรุนแรงปานกลางและมากให้สเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือกิน
    เมื่ออาการดีขึ้น (มักได้ผลภายใน 36-48 ชั่วโมง) ก็ให้กินต่อจนครบ 5 วัน
    ในรายที่หอบรุนแรงจนเกิดภาวะทางเดินหายใจล้มเหลว อาจต้องใส่ท่อหายใจและเครื่องช่วยหายใจและแก้ไขภาวะผิดปกติต่าง ๆ พร้อมกัน

เมื่อควบคุมอาการได้แล้ว แพทย์จะนัดติดตามดูอาการภายใน 2-4 สัปดาห์

7. ผู้ป่วยที่เป็นโรคหืดทุกราย แพทย์จะพิจารณาให้การรักษาระยะยาวเพื่อควบคุมอาการให้น้อยลง ป้องกันอาการกำเริบรุนแรงเฉียบพลัน ฟื้นฟูสมรรถภาพของปอดให้กลับคืนสู่ปกติ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ป้องกันการเกิดภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นอย่างถาวร โดยมีแนวทางการดูแลรักษาดังนี้

(1) ประเมินความรุนแรงของโรค โดยพิจารณาจากอาการแสดง (ความถี่ของอาการกำเริบตอนกลางวัน และตอนกลางคืน) ร่วมกับการตรวจสมรรถภาพของปอด (ดูค่า FEV1 และ PEF)*

(2) ให้ยารักษาโรคหืด ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มยาบรรเทาอาการ ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ขยายหลอดลม (เช่น ยากระตุ้นบีตา 2) และกลุ่มยาควบคุมโรค ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบและการบวมของผนังหลอดลม (เช่น ยาสเตียรอยด์) แพทย์จะเลือกใช้ชนิดและขนาดของยาตามระดับของการควบคุมโรค ดังนี้

    กลุ่มควบคุมได้ ให้การรักษาตามขั้นตอนเดิมต่อไปอย่างน้อย 3 เดือน แล้วค่อย ๆ ปรับลดยาลงทีละน้อย จนกว่าจะใช้การรักษาขั้นที่ต่ำสุดที่ยังสามารถควบคุมอาการได้
    กลุ่มควบคุมได้บางส่วน และกลุ่มควบคุมไม่ได้ แพทย์จะปรับเพิ่มขั้นตอนการรักษาจนกว่าจะสามารถควบคุมอาการได้ภายใน 1 เดือน โดยก่อนปรับยา จะทบทวนว่าผู้ป่วยมีการใช้ยาตามสั่ง และใช้ถูกวิธีหรือไม่ รวมทั้งได้หลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นหรือไม่ และแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน

หลังจากควบคุมอาการได้แล้ว จะติดตามผลการรักษาต่อไปทุก 1-3 เดือน และปรับขั้นตอนการรักษาให้เหมาะกับระดับของการควบคุมโรค ซึ่งสามารถแปรเปลี่ยน (ดีขึ้นหรือเลวลง) ไปได้เรื่อย ๆ

ในเด็กที่มีสาเหตุจากสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และอาการไม่ดีขึ้นหลังการใช้ยาหรือไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยา แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วย การขจัดภูมิไว (desensitization)**

(3) ให้การรักษาโรคที่พบร่วม เช่น หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ โรคกรดไหลย้อน เป็นต้น

(4) แนะนำให้หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าหรือสาเหตุกระตุ้นและการปฏิบัติตัวต่าง ๆ (อ่านเพิ่มเติมที่หัวข้อ "การป้องกัน" ด้านล่าง)

(5) ติดตามผลการรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและทำการตรวจสมรรถภาพของปอดเป็นระยะ ในรายที่เป็นโรคหืดรุนแรงหรือมีอาการกำเริบบ่อย  แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)  ไปตรวจเองที่บ้านทุกวัน เพื่อตรวจภาวะหลอดลมตีบซึ่งจะพบก่อนมีอาการแสดงนานเป็นชั่วโมงถึงเป็นวัน ผู้ป่วยจะได้รีบใช้ยารักษาหรือไปพบแพทย์ปรับยาให้เหมาะสม  นอกจากนี้แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง

ผลการรักษา  ส่วนใหญ่สามารถควบคุมอาการได้ดี

ถ้ามีอาการเริ่มเป็นตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อโตขึ้นหรือย่างเข้าวัยหนุ่มสาว อาการอาจทุเลาจนสามารถหยุดการใช้ยาสูดบรรเทาอาการได้ แต่บางรายเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจมีอาการกำเริบได้อีก

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจมีการอักเสบของหลอดลมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีอาการหอบเหนื่อยแล้ว หากขาดการให้ยาควบคุมโรค (ลดการอักเสบ) ก็อาจเกิดภาวะทางเดินหายใจผิดปกติและอุดกั้นในระยะยาวได้ ดังนั้น ถึงแม้จะมีอาการทุเลาแล้วก็ควรติดตามรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง

ส่วนในรายที่มีอาการมาก จำเป็นต้องได้รับยาอย่างเพียงพอ หากขาดยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์มาก่อน ก็อาจมีอาการกำเริบรุนแรงเฉียบพลัน ถึงขั้นกลายเป็นภาวะหืดดื้อ เป็นอันตรายได้

ปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราตายต่ำ

* FEV1 (forced expiratory in one second) หมายถึง ปริมาตรอากาศที่หายใจออกแรง ๆ ใน 1 วินาที โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดปริมาตรอากาศหายใจ (spirometer)

PEF (peak expiratory flow) หมายถึง อัตราการไหลของลมหายใจออกสูงสุด หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มที่ โดยใช้เครื่องมือที่มีชื่อว่า เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter)

** บางครั้งก็เรียกว่า อิมมูนบำบัด (immunotherapy) โดยการฉีดยาทดสอบว่าแพ้สารอะไร  แล้วฉีดสารนั้นทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ เพื่อลดการแพ้ วิธีนี้ใช้ได้ผลดีในเด็ก  ส่วนในผู้ใหญ่ได้ผลไม่สู้ดี  ข้อเสียคือ  ต้องใช้เวลารักษานาน  ราคาแพง  และอาจมีอาการแพ้ที่รุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะช็อกจากการแพ้ (anaphylactic shock) หรือโรคหืดกำเริบรุนแรงได้ จำเป็นต้องฉีดในที่ ๆ มีความพร้อมในการช่วยเหลือถ้าเกิดการแพ้  โดยหลังฉีดสารบำบัดแต่ละครั้งควรเฝ้าสังเกตดูอาการอย่างน้อย 30 นาที


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือหอบเหนื่อยร่วมกับมีเสียงดังวี้ด ๆ คล้ายเสียงนกหวีด หรือผู้ที่มีประวัติใช้ยารักษาโรคหืดอยู่เป็นประจำ มีอาการหอบหืดกำเริบทั้งที่ได้ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ ควรรีบไปพบแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหืด ควรดูแลตนเองดังนี้

1. ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ ดังนี้

    ติดตามรักษากับแพทย์เป็นประจำ ตรวจสมรรถภาพของปอดเป็นระยะ ใช้เครื่องวัดการไหลของลมหายใจออกสูงสุด (peak flow meter) ตรวจเองที่บ้านทุกวัน (สำหรับผู้ที่แพทย์แนะนำ) เรียนรู้วิธีใช้ยาให้ถูกต้อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีสูดพ่นยา หากทำไม่ถูก การรักษาก็จะไม่ได้ผล) และใช้ยาตามขนาดที่แพทย์แนะนำ
    พกยาบรรเทาอาการติดตัวเป็นประจำ หากมีอาการกำเริบ ให้รีบสูดยา 2-4 หน (puff) ทันที ถ้าไม่ทุเลาอาจสูดซ้ำทุก 20 นาที อีก 1-2 ครั้ง ถ้ายังไม่ทุเลาควรไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าปล่อยให้หอบนานอาจเป็นอันตรายได้
    ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ อย่าให้ขาดน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ไอมีเสมหะเหนียว หรือมีอาการหอบเหนื่อย
    ทุกครั้งที่สูดยาสเตียรอยด์ ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ยาตกค้างที่คอหอย ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเชื้อราในช่องปาก (ดู "โรคเชื้อราในช่องปาก มุมปากเปื่อยจากเชื้อรา" เพิ่มเติม)
    อย่าซื้อยาชุดหรือยาลูกกลอนมาใช้เอง เพราะยาเหล่านี้มักมีสเตียรอยด์ผสม แม้ว่าอาจจะใช้ได้ผล แต่ต้องใช้เป็นประจำ ซึ่งทำให้มีผลข้างเคียงร้ายแรงตามมาได้  อย่างไรก็ตาม ถ้าเคยใช้ยาเหล่านี้มานาน ห้ามหยุดยาทันที อาจทำให้มีอาการหอบกำเริบรุนแรงหรือเกิดภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ (ดู "โรคช็อก" เพิ่มเติม) ได้ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อหาทางค่อย ๆ ปรับลดยาลง
    ฝึกหายใจเข้าออกลึก ๆ (โดยการเป่าลมออกทางปาก ให้ลมในปอดออกให้มากที่สุด) เป็นประจำ จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่งสดชื่น อาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้
    ลดน้ำหนัก ถ้ามีน้ำหนักเกิน

2. ถึงแม้อาการทุเลาแล้ว ก็ห้ามหยุดยา หรือปรับลดยาเองตามอำเภอใจ จนกว่าแพทย์จะสั่งปรับยาให้ มิเช่นนั้น อาจทำให้โรคกำเริบรุนแรง เป็นอันตรายได้

3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง กระตุ้นให้โรคกำเริบ (อ่านเพิ่มที่หัวข้อ "การป้องกัน" ข้อที่ 1 หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และสิ่งระคายเคือง)

4. หากมีอาการไม่สบาย ไม่ว่าจะเป็นอะไร ควรปรึกษาแพทย์และใช้ยาที่แพทย์แนะนำเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง เพราะอาจทำให้โรคหืดกำเริบ หรือเป็นอันตรายได้

5. ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน ซึ่งอาจกระตุ้นโรคหืดกำเริบได้ ควรกินยารักษาและปฏิบัติตัวในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

6. หมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสม บำรุงอาหารสุขภาพ รู้จักผ่อนคลายความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

7. ควรไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    มีอาการหอบหืดกำเริบ 
    เจ็บแน่นหน้าอก 
    ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว
    มีอาการไม่สบายที่จำเป็นต้องใช้ยารักษา ห้ามซื้อยามาใช้เอง เพราะมียาหลายชนิดที่ทำให้หอบหืดกำเริบได้
    ขาดยารักษาโรคหืด เช่น ยาหาย ยาหมดก่อนวันนัด
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

11
รถยนต์ไฟฟ้า เฌอรี่ Chery Tiggo 9 PHEV CSH ปี 2025

Chery Tiggo 9 PHEV CSH ปี 2025 เป็นรถยนต์ SUV ขนาดใหญ่ (Mid-size/Full-size SUV) แบบ Plug-in Hybrid (PHEV) ที่ Chery เตรียมนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในฐานะเรือธงของแบรนด์ โดดเด่นด้วยขนาดที่ใหญ่ ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน และเทคโนโลยีขุมพลัง CSH (Chery Super Hybrid) ที่ให้สมรรถนะสูงและประหยัดน้ำมัน

ภาพรวมและสถานะในประเทศไทย
Chery Tiggo 9 PHEV CSH (หรือในบางตลาดอาจเรียกว่า Tiggo 9 C-DM หรือ Fulwin T10) เป็นรุ่นที่ถูกนำมาจัดแสดงในงาน Motor Show 2025 ที่ผ่านมา และได้รับการยืนยันว่าจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยคาดว่าจะเป็นรถยนต์นำเข้า (CBU) ในช่วงแรก ก่อนที่จะพิจารณาประกอบในประเทศ (CKD) ในอนาคต

ราคาในประเทศไทย: ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2568 (ปัจจุบัน) ยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่จากข้อมูลในประเทศจีน ราคาเริ่มต้นของ Tiggo 9 C-DM (PHEV) อยู่ที่ประมาณ 165,900 – 175,900 หยวน ซึ่งเทียบเป็นเงินไทยจะอยู่ที่ประมาณ 770,000 – 820,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตของไทย) ดังนั้น ราคาจำหน่ายในประเทศไทยคาดว่าจะสูงกว่านี้มาก อาจจะอยู่ในช่วง 1.5 ล้านบาทขึ้นไป (เป็นเพียงการคาดการณ์เบื้องต้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง)

ขุมพลังและสมรรถนะ (PHEV CSH - Chery Super Hybrid)

Chery Tiggo 9 PHEV ใช้ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูง ภายใต้เทคโนโลยี CSH (Chery Super Hybrid):

เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ TGDI (Turbocharged Gasoline Direct Injection) ขนาด 1.5 ลิตร
กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาป: ประมาณ 156 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาป: ประมาณ 220 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้า: มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่
มอเตอร์หน้า: ประมาณ 102 แรงม้า / 170 นิวตันเมตร
มอเตอร์หลัง: ประมาณ 122 แรงม้า / 220 นิวตันเมตร
กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ (Combined System Output): ประมาณ 381 แรงม้า (PS)
แรงบิดรวมสูงสุด: ประมาณ 600 นิวตันเมตร (เป็นค่าประมาณจากการรวมแรงบิดของระบบ)
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ไฮบริด DHT (Dedicated Hybrid Transmission) แบบ 3 สปีด (3-speed DHT)
ระบบขับเคลื่อน: AWD (All-Wheel Drive) เนื่องจากมีมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ประมาณ 4.5 วินาที (อ้างอิงจากข้อมูลในจีน)
แบตเตอรี่: Lithium-ion (Ternary Lithium) ขนาดประมาณ 19.43 kWh
ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน (EV Mode - CLTC): สูงสุดประมาณ 106 กิโลเมตร
ระยะทางวิ่งรวม (Combined Range - WLTC): มากกว่า 1,400 กิโลเมตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (WLTC): คาดว่าจะต่ำมากในโหมดไฮบริด (มีรายงานว่าต่ำถึง 2-3 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 33-50 กม./ลิตร)

ดีไซน์ภายนอก
Chery Tiggo 9 PHEV CSH มีดีไซน์ที่หรูหรา สง่างาม และดูแข็งแกร่งในแบบ SUV ขนาดใหญ่:

มิติตัวถัง: ยาว 4,820 มม. x กว้าง 1,930 มม. x สูง 1,699 มม. (รุ่น PHEV อาจสูงกว่าเล็กน้อยที่ 1,712 มม.)
ระยะฐานล้อ: 2,820 มม.
ดีไซน์: "Dragon Face" ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Chery พร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่
ไฟหน้า: LED ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมไฟ DRL รูปแบบตัว H
ล้ออัลลอย: ขนาด 19-20 นิ้ว ดีไซน์หรูหรา
มือจับประตูแบบ Pop-out (Hidden Door Handles): ซ่อนเรียบไปกับตัวรถ
หลังคา: อาจมีออปชั่นแบบ Floating Roof Effect และ Panoramic Sunroof

ภายในและความสะดวกสบาย
ห้องโดยสารของ Tiggo 9 PHEV CSH ถูกออกแบบมาเพื่อความหรูหรา ความกว้างขวาง และเทคโนโลยีขั้นสูง มักมาพร้อมเบาะ 5 หรือ 7 ที่นั่ง:

แผงหน้าปัด: หน้าจอคู่ขนาดใหญ่ 24.6 นิ้ว (Dual Screen) (Digital Driver Display + Central Infotainment Touchscreen)
ระบบ Infotainment: ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 รองรับ Apple CarPlay, Android Auto (คาดว่าจะเป็นไร้สาย) และระบบสั่งการด้วยเสียง
ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้ารถ (AR-HUD - Augmented Reality Head-Up Display): ขนาด 50 นิ้ว
เบาะนั่ง: หุ้มด้วยหนังคุณภาพสูง อาจมีฟังก์ชันนวด, ปรับอุณหภูมิ, และปรับไฟฟ้าในหลายทิศทาง (อาจมีโหมด Lounge สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า)
ระบบปรับอากาศ: อัตโนมัติหลายโซน พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3
ระบบเสียง: Sony Surround Sound System พร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง
ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Lighting): 256 สี
แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Charger):

ระบบประตูท้ายไฟฟ้า (Power Tailgate):
ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS)
Chery Tiggo 9 PHEV CSH คาดว่าจะมาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ในระดับ Level 2+ ที่ครบครัน:

ถุงลมนิรภัย: รอบคัน (อาจมีถึง 10 ตำแหน่ง)
ระบบโครงสร้างตัวถัง: ใช้เหล็กความแข็งแรงสูงกว่า 80% และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว C-NCAP
ADAS Level 2+:
Adaptive Cruise Control (ACC) พร้อม Stop & Go
Lane Keeping Assist (LKA) และ Lane Departure Warning (LDW)
Forward Collision Warning (FCW) และ Autonomous Emergency Braking (AEB)
Blind Spot Monitoring (BSM) และ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
Traffic Jam Assist (TJA)
ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมฟังก์ชัน Transparent Chassis (มองทะลุพื้น)
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Automatic Parking Assist)

Chery Tiggo 9 PHEV CSH ปี 2025 ถือเป็นเรือธงที่ Chery จะนำมาทำตลาดในประเทศไทย เพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยี ขุมพลังไฮบริด และความหรูหรา โดยจะเป็นรถยนต์ SUV ที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ครอบครัวขนาดใหญ่.

12
การจัดฟันเด็ก แก้ไขปัญหาช่องฟันห่างได้ไหม
 
เด็กหลายคนมีปัญหาในเรื่องของฟันห่าง ฟันซ้อนเก ฟันล้ม ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ไม่ดูแลรักษาความสะอาดในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน จนทำให้เกิดฟันผุ จนถึงขั้นสูญเสียฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะยังมีความคิดที่ว่า ฟันน้ำนมของเด็กนั้น ไม่มีความสำคัญ แต่แท้จริงแล้ว ฟันน้ำนมของเด็กนั้น สามารถบ่งบอกสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กในอนาคตได้ เพราะฟันน้ำนมมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้

ซึ่งฟันแท้ก็จะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต ดังนั้น ถ้าหากละเลยในเรื่องขอสุขอนามัยช่องปากและฟันของเด็ก อาจจะทำให้เด็กมีฟันที่ไม่สวยงามและอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันในเรื่องอื่นๆได้ เช่น ปัญหาช่องฟันห่างในเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก อาจจะทำให้มีเพื่อนล้อ หรือสร้างความไม่มั่นใจให้กับตัวเด็กได้ ถือว่าเป็นทำให้เด็กเกิดทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวฟัน จนทำให้เกิดอาการกลัวหมอฟันจนไม่กล้าเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับฟันได้

ดังนั้น ทัศนคติก็เป้นเรื่องที่สำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยแนะนำคอยสอนให้เด็กได้เข้าใจและรู้จักวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง และถ้าเด็กมีปัญหาฟัน ควรรีบพาเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและแก้ไขทันที ในปัจจุบันวงการทันตกรรมของเรา มีนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาฟันในเด็กได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นก็คือ การจัดฟันในเด็ก ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างหลากหลาย แต่วันนี้คลินิกเราจะมาพูดถึงปัญหาช่องฟันห่างหรือที่เราเรียกว่า ฟันหลอ นั่นเอง ซึ่งทำให้เด็กโดนเพื่อนล้อ และทำให้เสียความมั่นใจได้
 
การจัดฟันในเด็ก ก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการ ที่สามารถแก้ไขฟันที่มีความไม่สมดุลจากการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพที่ปกติ ซึ่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างฟันที่ถูกเลื่อนไปจะเกิดจากการใช้แรงทั้งจากเครื่องมือภายนอกและภายในช่องปาก เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างฟันใหม่ และกระดูกที่ล้อมบริเวณรากฟันจะละลายเสริมสร้างโครงสร้างใหม่ของกระดูกแบบค่อยเป็นค่อยไป ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานในการรักษา


แต่ข้อดีก็คือ สามารถทำให้เด็กกลับมามีฟันที่เรียงตัวอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติได้ และยังช่วยทำให้สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย สำหรับปัญหาช่องฟันห่างในเด็กนั้น อาจมีสาเหตุจากขนาดของซี่ฟันที่ไม่เท่ากัน ฟันหาย หรือเนื้อยึดริมฝีปากที่ใหญ่กว่าปกติ เนื้อเยื่อดังกล่าวขยายเริ่มจากด้านในของริมฝีปากไปจนถึง เนื้อเยื่อเหงือกซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ของฟันบนสองซี่หน้า
สาเหตุที่รองลงมาได้แก่ปัญหาการจัดตำแหน่งในช่องปาก เช่น ขากรรไกรบนยื่น หรือการยื่นออกมาของฟัน 1 ซี่ ซึ่งก็มีวิธีการรักษาได้หลากหลายแบบ รวมไปถึงการจัดฟันในเด็กด้วย การรักษาด้วยการจัดฟันเพื่อย้ายฟัน สามารถปิดช่องฟันห่างให้สนิทได้ และถือว่าเป็นการรักษาในระยะยาว เพราะจะทำให้ฟันเคลื่อนตัวไปในตำแหน่งที่ทันตแพทย์กำหนดไว้ นั่นก็คือ เคลื่อนตัวไปยังช่องว่างระหว่างฟันนั่นเอง เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันห่างได้แล้ว อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็ก นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันแล้ว ยังสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกด้วย จะทำให้ใบหน้าเข้าที่มากยิ่งขึ้น ช่วยส่งเสริมในเรื่องของบุคลิกภาพได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันของบุตรหลานของท่านและสนใจเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะให้บุตรหลานของท่านได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วยปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการดูแลสุขภาพฟัน และรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้มีฟันที่สวยงามและแข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการในเด็กอีกด้วย

13
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


14
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aortic dissection)

เป็นภาวะที่ผนังชั้นในของหลอดเลือดแดงใหญ่มีรอยปริเป็นรูรั่ว ทำให้เลือดไหลออกไปเซาะให้ผนังชั้นในแยกออกจากผนังชั้นกลางเป็นแนวยาว ถ้ารอยปริของหลอดเลือดเกิดตรงจุดใกล้หัวใจ เรียกว่า "ชนิดเอ (A)" ถ้ารอยปริของหลอดเลือดเกิดตรงจุดที่อยู่ต่ำกว่าจุดแยกของหลอดเลือดแดงใต้กระดูกไหปลาร้า (subclavian artery) เรียกว่า "ชนิดบี (B)"

โรคนี้จัดว่ามีอันตรายร้ายแรง พบมากในกลุ่มอายุ 40-70 ปี

สาเหตุ

ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ส่วนน้อยอาจเกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง การบาดเจ็บ โรคกรรมพันธุ์ (เช่น Marfan syndrome, Ehlers-Danlos syndrome) ความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือดโดยกำเนิด (เช่น หลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ ลิ้นหัวใจเอออร์ติกผิดปกติ) อาจพบเป็นภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง บางครั้งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดหัวใจหรือการใส่สายสวนหัวใจหรือหลอดเลือด

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการเกิดขึ้นฉับพลันด้วยอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง (บางรายรู้สึกคล้ายเนื้อถูกฉีกหรือกรีด) ที่หน้าอก หรือหลังด้านบน (กลางสะบัก 2 ข้าง) และเจ็บแผ่ไปที่ท้องและต้นขา คอ หลังส่วนล่าง (ตามรอยเซาะของเลือด) อาการปวดจะรุนแรงอย่างต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ๆ หรือวัน ๆ บางรายอาจมีอาการเป็นลมหรือแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย

ภาวะแทรกซ้อน

เลือดที่เซาะและขังอยู่ในรอยแยกระหว่างผนังหลอดเลือดชั้นในสุดและชั้นกลาง อาจอุดกั้นการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดที่แตกสาขาออกไป ก็จะมีอาการแขนขาอ่อนแรงซีกหนึ่ง กล้ามเนื้อหัวใจตาย ปวดท้องเนื่องจากลำไส้ขาดเลือด (อุดกั้นหลอดเลือดเลี้ยงลำไส้) ปวดหลังด้านล่างเนื่องจากไตขาดเลือด (อุดกั้นหลอดเลือดไต) หรือขาอ่อนแรง (อุดกั้นหลอดเลือดเลี้ยงไขสันหลัง)

ถ้ารอยปริอยู่ใกล้หัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะลิ้นเอออร์ติกรั่ว (aortic insufficiency)

เลือดที่เซาะอาจเข้าไปในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจถูกบีบรัด (cardiac temponade) หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงปอดและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เกิดภาวะช็อกถึงขั้นเสียชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ได้แก่ ผนังหลอดเลือดแตก มีเลือดตกภายใน จนเกิดภาวะช็อกถึงขั้นเสียชีวิตในเวลารวดเร็วได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ตรวจพบชีพจรที่มือและขาเต้นเบาหรือคลำไม่ได้ ความดันต่ำ หรือชีพจร 2 ข้างเต้นแรงไม่เท่ากัน บางรายอาจพบความดันโลหิตสูง เมื่อใช้เครื่องฟังตรวจอาจได้ยินเสียงฟู่ (murmur) ที่บริเวณลิ้นเอออร์ติก ในรายที่มีลิ้นเอออร์ติกรั่ว (aortic insufficiency)

นอกจากนี้อาจตรวจพบอาการที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

1. ถ้าพบว่าเป็นภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ชนิดเอ (รอยปริอยู่ใกล้หัวใจ) จำเป็นต้องทำการผ่าตัดแก้ไขโดยด่วน หากไม่รักษา ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 48 ชั่วโมง และร้อยละ 90 เสียชีวิตภายใน 1 เดือน ขณะที่ผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดมีอัตราตายประมาณร้อยละ 15 ส่วนผู้ที่มีชีวิตอยู่รอดเกิน 2 สัปดาห์หลังผ่าตัดจะมีอัตราการอยู่รอดเกิน 5 ปีถึงร้อยละ 70-80 (ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้สามารถอยู่รอดเกิน 10 ปีขึ้นไป)

2. ถ้าพบว่าเป็นชนิดบี (รอยปริอยู่ใต้จุดแยกของหลอดเลือดแดงใต้กระดูกไหปลาร้า) การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง ส่วนใหญ่แพทย์จะให้การรักษาทางยา คือ ให้ยาลดความดัน (เช่น โซเดียมไนโตรพรัสไซด์) และลดอัตราการเต้นของชีพจร (เช่น โพรพราโนลอล) ให้ต่ำลง เพื่อลดแรงดันต่อหลอดเลือด รูปริที่ผนังหลอดเลือดจะปิดได้เองในที่สุด เมื่ออาการหายดีแล้ว แพทย์จะนัดมาตรวจทุก 3-6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยดี พบว่าผู้ป่วยร้อยละ 30 อาจเกิดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในระยะต่อมา ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

ส่วนน้อยที่พบว่ามีภาวะแทรกซ้อนหรือมีการลุกลามมากยิ่งขึ้น แพทย์จะทำการผ่าตัดแก้ไขโดยด่วน แบบเดียวกับชนิดเอ ซึ่งมีอัตราการอยู่รอดเกิน 5 ปี ร้อยละ 50-70

ผู้ป่วยที่เป็นภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ชนิดบี หากไม่ได้รับการรักษาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเลยมีอัตราตายประมาณร้อยละ 10-20 จากผนังหลอดเลือดแตก และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น อยู่ ๆ เกิดมีอาการเจ็บปวดรุนแรงที่หน้าอก หรือบริเวณตรงกลางสะบักหลัง ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วน

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

ปฏิบัติเช่นเดียวกับผนังหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างจริงจังในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง

ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง นอกจากมีสาเหตุจากภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ ยังอาจเกิดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด (pulmonary embolism) ซึ่งล้วนเป็นภาวะฉุกเฉินอันตรายเหมือน ๆ กัน ดังนั้น ผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

15
โรงงานต้องการฉนวนกันความร้อน ทำไมควรใช้ฉนวนใยแก้ว

ปัญหาโรงงานอุตสาหกรรมมีความร้อนสะสมภายในมากเกินไป ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะยิ่งปล่อยให้ความร้อนสะสมนานเท่าไร ต้นทุนในการผลิตก็ยิ่งบานปลายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น ค่าไฟเพิ่มม พนักงานร้อนจนทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เครื่องจักรต่าง ๆ ทำงานหนักชำรุดเสียหายง่ายขึ้น ฯลฯ

นั่นเองจึงทำให้การติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อน” เป็นทางออกที่ควรให้ความสำคัญเร่งด่วน ซึ่งในปัจจุบัน “ฉนวนใยแก้ว” ถือเป็นหนึ่งในประเภทฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยเพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่น แตกต่าง ไม่เหมือนใคร


ฉนวนใยแก้ว คืออะไร ทำไมจึงกันความร้อนได้?

ฉนวนใยแก้ว คือ ฉนวนกันความร้อนที่ผลิตขึ้นมาจากการใช้แก้วรีไซเคิล 100% ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉนวนใยแก้วสามารถป้องกันความร้อนได้นั้นั้น ก็เป็นเพราะในเนื้อของฉนวนจะมีโพรงอากาศจำนวนมากอยู่

ซึ่งเมื่อความร้อนผ่านเข้ามาสัมผัสกับเนื้อฉนวนก็จะถูกโพรงอากาศจำนวนมากกักเก็บความร้อนเอาไว้ ทำให้เคลื่อนที่ผ่านได้ยาก ความร้อนจากภายนอกจึงถูกชะลอการเคลื่อนผ่านเอาไว้ ส่งผลให้ไม่สามารถทะลุเข้ามายังภายในพื้นที่ได้ง่าย เป็นเหตุให้เมื่อใช้ฉนวนใยแก้วติดตั้งภายในโรงงาน จึงทำให้ป้องกันความร้อนทะลุผ่านได้ดี เกิดบรรยากาศที่เย็นสบายได้มากขึ้น ลดความร้อนสะสมภายในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ฉนวนใยแก้วดีกว่าฉนวนกันความร้อนอื่นอย่างไร?

นอกจากจะกันความร้อนได้ดีกว่าฉนวนประเภทอื่น ๆ ด้วยคุณสมบัติของวัสดุที่มีโพรงอากาศจำนวนมากช่วยชะลอความร้อนแล้ว คุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ฉนวนใยแก้วโดดเด่นเหนือกว่าฉนวนกันความร้อนที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ ก็คือ เป็นฉนวนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพร่างกาย เพราะเป็นการผลิตจากแก้วรีไซเคิล 100% และยังได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกด้วยว่า “ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์”

ทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อนำใช้ติดตั้งภายในโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว จะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในโรงงาน นอกจากนั้นแล้ว คุณสมบัติในแง่บวกเหล่านี้ ยังใช้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้แก่โรงงานได้ด้วย ในฐานะโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง


ฉนวนกันความร้อน ผู้นำด้านฉนวนใยแก้วเพื่อโรงงงาน

ปัจจุบันในท้องตลาดมีฉนวนกันความร้อนให้เลือกใช้อยู่หลายประเภท อาทิ อะลูมิเนียมฟอยล์ โพลีเอธีลีนโฟม ฉนวนใยหิน และฉนวนใยแก้ว เป็นต้น โดยสำหรับใครที่รู้สึกมั่นใจในฉนวนใยแก้วแล้วล่ะก็ ฉนวนกันความร้อนคือหนึ่งในแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์ฉนวนใยแก้วที่ตอบโจทย์กับผู้ประกอบการมากที่สุด ด้วยเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนาน สินค้ามีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล มีฉนวนกันความร้อนครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฉนวนกันความร้อนสำหรับหลังคาโรงงาน สำหรับงานระบบปรับอากาศ สำหรับงานหุ้มท่อน้ำร้อนน้ำเย็น สำหรับผนังครอบห้องเครื่องจักรอุณหภูมิสูง เป็นต้น

ซึ่งฉนวนจะมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ จึงเพิ่มความปลอดภัยให้กับโรงงานได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ใช้เทคโนโลยี Green Guard คือมีการใส่สาร HydroProtec ไปในเนื้อฉนวนเขียว ทำให้ทนต่อความชื้นและน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงยืดอายุการใช้งานและคงประสิทธิภาพของการเป็นฉนวนกันความร้อนได้ยาวนานคุ้มค่า

ฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงานนั้นมีหลากหลายชนิดให้เลือก ทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่โดดเด่นแตกต่างกันไป และแน่นอนว่าราคาก็แตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการที่ตั้งใจวางแผนแก้ไขปัญหาความร้อนสะสมภายในโรงงาน จึงต้องพิจารณาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับฉนวนกันความร้อนแต่ละประเภทให้ดี เพื่อเลือกใช้ได้อย่างตอบโจทย์และคุ้มค่าตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุด

หน้า: [1] 2 3 ... 51
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google